การจากไปของ "เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย" คนสุดท้าย นายธง แจ่มศรี หรือ "สหายประชา ธัญไพบูลย์" เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา ด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ ที่โรงพยาบาลจังหวัดนครปฐม ถือว่าเป็นการสูญเสียบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกท่านหนึ่ง
สำหรับ ลุงธง แจ่มศรี เป็นคนไทยเชื้อสายเวียดนาม เกิดในตำบลป่ามะคาบ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร โดยเป็นบุตรของนายเสา กับนางยอ แจ่มศรี ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม และเคยเป็นสมาชิกขบวนการเอกราชเวียดนามที่ลี้ภัยมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย 2551 ลุงธงมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ตอนเด็กเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนหนองบัว จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนของสมาคมรักชาติชาวเวียดนาม ก่อนจะมาเข้ารับการศึกษาภาษาจีนขั้นพื้นฐานที่โรงเรียนหัวเฉียว ซึ่งเป็นโรงเรียนในจัดตั้งของคณะกรรมการคอมมิวนิสต์จีน โดยในปี 2479 ขณะที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนหัวเฉียว ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคคอมมิวนิสต์ และเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน ก่อนจะถูกจับกุมในข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์ แต่ภายหลังศาลตัดสินให้ทำทัณฑ์บนแล้วปล่อยตัว เนื่องจากอายุยังน้อย แต่ไม่มีผู้ปกครองมารับตัวก็ต้องติดคุกเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ซึ่งเขาก็ได้ดำเนินการขออุทธรณ์สู้คดีด้วยตัวเองจนกระทั่งได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่ง แต่เนื่องจากถูกคุมขังมาแล้ว 1 ปี 8 เดือน ศาลจึงสั่งให้ปล่อยตัวทันที และในปี 2551 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้มีมติรับเข้าเป็นสมาชิกพรรค ในฐานะเลขาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
เนชั่น ทีวี ได้โทรศัพท์พูดคุยกับคุณธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เล่าว่า ลุงธงคือบุคคลทีมี่จุดยืนและทรรศนะมวลชนที่ชัดเจนตั้งแต่อายุยังน้อยจนถึงลมหายใจสุดท้าย โดยท่านเลือกที่จะยืนอยู่ข้างผลประโยชน์ของมวลชนไม่ใช่แค่ผลประโยชน์ของใครส่วนการสูญเสียลุงธงไปนั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ท่านได้ทิ้งไว้ให้กับคนรุ่นหลังก็คือ แนวความคิดและการยืนอยู่ข้างมวลชน รวมทั้งความซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากชาวคอมมิวนิสต์รายอื่นๆที่มีเปลี่ยนแปลงความคิดไปตามกาลเวลา แต่ลุงธงอุทิศชีวิตให้กับการต่อสู้มาตลอดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงขออยากฝากไปยังคนรุ่นใหม่ให้ยึดถือแนวคิดและความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของตนเองอาจารย์ธิดา ยังบอกอีกว่า ส่วนทางครอบครัวของลุงธง ได้เตรียมใจไว้ก่อนหน้าที่ลุงธงจะจากลาไปอย่างสงบ
สำหรับ พิธีการทางศาสนาของลุงธง แจ่มศรี จะจัดที่วัดพระประโทน จังหวัดนครปฐม เป็นเวลา 5 คืน