svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ปิยบุตร" ชี้ ยกเลิกคำสั่ง คสช. ยังไม่เพียงพอ เพราะมี ม.279 รับรองทุกการกระทำ

10 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ก่อนหน้า เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/๒๕๖๒ เรื่อง การยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บางฉบับที่หมดความจําเป็น

ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีประกาศ และคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ รวมทั้ง การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ ซึ่งในขณะนี้การดําเนินการ ตามประกาศและคําสั่งบางฉบับได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่มุ่งหมายไว้แล้ว สมควรยกเลิกประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติที่หมดความจําเป็น เพื่อให้บทบัญญัติของกฎหมายมีความสอดคล้องและเหมาะสมกับบริบท ที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความเป็นเอกภาพของกฎหมายทั้งระบบเพื่อประโยชน์ ในการเข้าถึงและการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง อันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศ ด้านกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่ระบุในบัญชีหนึ่งท้ายคําสั่งนี้
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ
แห่งชาติเกี่ยวกับการกําหนดให้คดีอยู่ในอํานาจของศาลทหาร ตามที่ระบุในบัญชีสองท้ายคําสั่งนี้
บรรดาการกระทําความผิดตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคําสั่งหัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติตามวรรคหนึ่ง ไม่ว่าจะกระทําก่อนหรือหลังคําสั่งนี้ใช้บังคับ ให้อยู่ในอํานาจ การพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ส่วนการกระทําความผิดที่อยู่ระหว่างการดําเนินคดีของศาลทหาร ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ให้โอนคดีนั้น ๆ ไปยังศาลยุติธรรม แต่ทั้งนี้ ไม่หมายความรวมถึง กระทําความผิดที่กฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหารบัญญัติให้เป็นอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหาร โดยให้การกระทําความผิดดังกล่าวยังคงอยู่ในอํานาจการพิจารณาพิพากษาของศาลทหารต่อไป
การโอนคดีตามวรรคสองไม่กระทบกระเทือนถึงกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้กระทําไปแล้ว ในศาลทหารก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ และให้ถือว่าบรรดากระบวนพิจารณาที่ได้ดําเนินการไปแล้วนั้น เป็นกระบวนพิจารณาของศาลที่รับโอนคดีด้วยข้อ ๓ ให้ยกเลิกคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๐/๒๕๕๘ เรื่อง การได้มาซึ่ง คณะกรรมการประกันสังคม ที่ปรึกษาของคณะกรรมการประกันสังคม คณะกรรมการการแพทย์ และคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน เป็นการชั่วคราว ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กําหนดในบัญชีสามท้ายคําสั่งนี้
ข้อ ๔ ให้ยกเลิกคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา การทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่กําหนดในบัญชีสี่ท้ายคําสั่งนี้
ข้อ ๕ ให้ยกเลิกคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการกําหนดกรอบอัตรา กําลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษเพื่อรองรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กําหนดในบัญชีห้าท้ายคําสั่งนี้
ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๓ แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๙/๒๕๕๙ เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ ๑๓ ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาใดตามข้อ ๑๒ ได้รับการแก้ไขปัญหาอันเป็นเหตุสําคัญในการใช้บังคับคําสั่งนี้แล้ว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีอํานาจประกาศกําหนดการยกเลิกการใช้บังคับคําสั่งนี้แก่สถาบันอุดมศึกษานั้นต่อไป"
ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๘/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
ให้จัดตั้งสํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีขึ้นเป็นหน่วยงานภายในสํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี มีหน้าที่และอํานาจในการสนับสนุนภารกิจเชิงยุทธศาสตร์และเชิงบูรณาการตามพื้นที่ หรือกลุ่มภารกิจ ประสานกับหน่วยงานของรัฐในการสร้างความรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน และปฏิบัติงานอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยมีผู้อํานวยการสํานักงานบริหารนโยบายของ นายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ปฏิบัติงานในสํานักงานบริหารนโยบายของ นายกรัฐมนตรี และให้ปฏิบัติหน้าที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ หน้าที่และอํานาจ การบริหารงานและการดําเนินงานของสํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามที่กําหนดในระเบียบ สํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการนั้น
เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดให้ สํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี มีเจ้าหน้าที่ งบประมาณ สถานที่ทํางาน อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการทํางาน และเบิกจ่ายงบประมาณในการดําเนินการตามที่สํานักงานบริหาร นโยบายของนายกรัฐมนตรีร้องขอ
ให้โอนงบประมาณในการดําเนินการของสํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีตามคําสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ลงวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๘/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคําสั่งหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ไปเป็นของสํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามวรรคสองต่อไป
นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอํานาจในการพิจารณายกเลิกสํานักงาน บริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีได้ตามความเหมาะสม
ข้อ ๘ การยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามคําสั่งนี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ได้กระทํา หรือปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศหรือคําสั่งดังกล่าวก่อนวันที่ประกาศหรือคําสั่งนั้น ๆ สิ้นผลใช้บังคับ โดยให้การกระทําและการปฏิบัตินั้นเป็นการกระทําและการปฏิบัติที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามมาตรา ๒๗๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข้อ ๙ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 9 กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

"ปิยบุตร" ชี้ ยกเลิกคำสั่ง คสช. ยังไม่เพียงพอ เพราะมี ม.279 รับรองทุกการกระทำ


อ่านราชกิจจาฉบับเต็ม

ล่าสุด นายปิยบุตร แสงกนกกุลเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ได้โพสต์เฟซบุ๊กPiyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุลเกี่ยวกับกรณีนี้โดยมีข้อความระบุว่า ...[ ยกเลิกคำสั่ง คสช. ยังไม่เพียงพอ เพราะมี ม.279 รับรองทุกการกระทำ ]
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ให้ข่าวว่ามีการยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. หลายๆ ฉบับ เช่นเรื่องเกี่ยวกับเสรีภาพสื่อมวลชน การโอนคดีไปให้ศาลทหาร ฯลฯ ว่า
ความคิดที่จะยกเลิกคำสั่งเหล่านี้มีมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเรายังไม่ทราบว่าการยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ที่ว่านี้จะได้แก่ฉบับใดบ้าง จะครอบคลุมทุกฉบับที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิเสรีภาพ มีเนื้อหาที่ขัดกับความยุติธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ถ้ามีบางฉบับที่เข้าข่ายแต่กลับไม่ได้ถูกยกเลิกไป พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า ส.ส. ของเราจะเสนอร่างพระราชบัญญัติเข้าไปสู่การพิจารณายกเลิกให้หมด
แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำความเข้าใจในที่นี้ว่าต่อให้มีการยกเลิกในวันนี้ ผลของการใช้ประกาศและคำสั่งในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาจะยังมีอยู่ นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่พรรคอนาคตใหม่ได้ตั้งญัตติด่วนเพื่อศึกษาผลกระทบเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่ว่าเมื่อยกเลิกไปแล้ว จะไม่ต้องพูดถึงกันอีก
นอกจากนี้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 279 เวลาเขียนรับรองให้ประกาศคำสั่ง คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ ไม่ได้เป็นการรับรองแค่ประกาศคำสั่งเท่านั้น แต่ยังรับรองไปถึง การกระทำที่เกี่ยวเนื่องกัน ด้วย ซึ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่ ว่าการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันครอบคลุมไปถึงแค่ไหน รับรองไปถึงการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกัน แม้หลังการยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ไปแล้วด้วยหรือไม่
นี่จึงเป็นพันธกิจสำคัญที่พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าสุดท้าย มาตรา 279 ก็ต้องเลิกทิ้งด้วย เพื่อจะสกัดความคุ้มครองเหล่านี้ออกไปให้หมด
ดังนั้นการที่รัฐบาลชุดนี้ตัดสินใจจะยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะหมดอำนาจจากการเป็น คสช. เรียนตามตรงว่าไม่ได้ช่วยให้ระบอบการปกครองประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ กลับมาได้จริง เพราะยังมีลูกหลานเหลนโหลนของ คสช. ผุดดอกมาเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าเราจะตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อย
ปัญหาใหญ่ก็คือการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยากมาก จนหลายฝ่ายคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่จะนั่งเฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ เราเตรียมการที่จะเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ซึ่งเขียนง่ายมาก ก็เขียนว่ายกเลิกมาตรา 279 ก็จบ
แต่ปัญหาคือเมื่อเอาเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามันจะผ่านหรือไม่ การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องที่แปลกใหม่ไปจากเดิม เริ่มต้นด้วยการประชุมร่วมกันของสองสภาคือทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเลย แล้วพอเป็นการประชุมร่วมกันของสองสภา ก็กำหนดไว้ว่าต้องมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ถึงหนึ่งในสาม ในวาระแรก ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ผ่าน
อย่างน้อยที่สุดเมื่อเราดันเข้าไปแล้ว ก็ให้ประชาชนเห็นกันจะจะเลยว่าใครบ้างที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 279 สาธารณะชนก็จะได้รู้กัน พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าเราจะทดลองผลักดันเรื่องนี้ให้ได้ ยกเลิกมาตรา 279 เพื่อเอาหลักความเป็นกฏหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ร่างเราทำเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ทางพรรคอนาคตใหม่มี ส.ส. 81 คนการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมี ส.ส. 100 คนขึ้นไป พูดง่ายๆ คือต้องไปช่วยกันหาเพื่อน ส.ส. มาลง ก็กำลังจะเริ่มการเปิดการพูดคุยกันว่าจะมีใครที่จะมาลงร่วมกันบ้าง
#พรรคอนาคตใหม่ #อนาคตใหม่ #ปิยบุตร #คสช #รัฐธรรมนูญ

logoline