svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ลูกหนี้​ กยศ.​ ถูกใจสิ่งนี้​ 'ลดดอกเบี้ย​-เบี้ยปรับ'​ แต่แก้ปัญหาได้จริงไหม?

08 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก ในช่วงเวลานี้ คือ นโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่จะลดดอกเบี้ยและลดเบี้ยปรับของลูกหนี้ กยศ. มันทำให้ลูกหนี้กยศ.กว่า 3.5 ล้านคน ที่อยู่ระหว่างชำระหนี้ รู้สึกใจชื่นขึ้นมาบ้าง

คนรอบๆตัวผมเกือบครึ่งหนึ่งกู้เงินเรียนหนังสือ จาก 'กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา' หรือ 'กยศ.' เมื่อถึงเวลาก็จะชำระตามกำหนด ส่วนใหญ่เลือกชำระเป็นรายปี 
ปัจจุบันกยศ.มีลูกหนี้อยู่ราว 5.6 ล้านคน จำนวนนี้ 3.5 ล้านคน อยู่ระหว่างชำระนี้ ไม่มีใครรู้ว่าในจำนวนที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ มีเท่าไหร่ที่ไม่ได้ชำระตรงตามกำหนด แต่ก็น่าจะมีมากพอจนเคยเกิดเหตุการณ์ที่กยศ.ขาดสภาพคล่องไม่สามารถโอนเงินมาให้นักศึกษาที่อยู่ในกองทุนกู้ยืมฯ ได้ 

ลูกหนี้​ กยศ.​ ถูกใจสิ่งนี้​ 'ลดดอกเบี้ย​-เบี้ยปรับ'​ แต่แก้ปัญหาได้จริงไหม?

ถ้ายังจํากันได้ ย้อนไปเมื่อปี 2559 เคยเกิดเหตุการณ์ที่กยศ.โอนเงินค่าครองชีพให้แก่นักศึกษาที่กู้เงินในกองทุน กยศ.ล่าช้า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากมียอดผิดนัดชำระ ที่สูงจนเกิดภาวะขาดสภาพคล่อง 
สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่กู้เงินจาก กยศ.จะได้รับเงินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นค่าเทอมและส่วนที่ 2 เป็นค่าครองชีพที่จำไม่ผิดจะโอนเข้าบัญชีของนักศึกษาเดือนละ 2,000 บาท
สำหรับนักศึกษาบางคนที่มีฐานะยากจนและต้องพึ่งพาเงินส่วนนี้จาก กยศ.ในแต่ละเดือนสร้างความเดือดร้อนอยากหนัก เมื่อปี 2559 ผมเคยทำข่าวเงินไม่เข้าบัญชีของนักศึกษา ได้พูดคุยกับศึกษาก็รู้สึกเห็นใจอย่างมากในขณะที่ก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์กับผู้อำนวยการกยศ.รับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ก็ทำให้ต้องเข้มงวดในการตามติดตามทวงถามการชําระหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนั่นเป็นที่มาของมาตรการหักเงินเดือนของข้าราชการที่กู้เงินเดือนจากกยศ.ในช่วงที่เป็นนักศึกษา โดยหักจากบัญชีเงินเดือน

ลูกหนี้​ กยศ.​ ถูกใจสิ่งนี้​ 'ลดดอกเบี้ย​-เบี้ยปรับ'​ แต่แก้ปัญหาได้จริงไหม?


หลังจากนั้นเป็นต้นมา กยศ.ก็มีสภาพคล่องที่ดีขึ้น งบการเงิน ของ กยศ.จำนวน 4 แสนล้านบาทมาจากเงินภาษีของประชาชน ส่วนอีก 100 ล้านบาทมาจากธนาคารพัฒนาเอเชีย 
เพื่อให้การชำระหนี้ของลูกหนี้กยศมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากใช้วิธีการบังคับหรือการดำเนินคดีแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาในระยะยาวและเป็นธรรม ในบริบทของสังคมที่เศรษฐกิจย่ำแย่อยู่อย่างในทุกวันนี้ 
ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก ในช่วงเวลานี้ คือ นโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่จะลดดอกเบี้ยและลดเบี้ยปรับของลูกหนี้ กยศ. มันทำให้ลูกหนี้กยศ.กว่า 3.5 ล้านคน ที่อยู่ระหว่างชำระหนี้ รู้สึกใจชื่นขึ้นมาบ้าง
ในจำนวนลูกหนี้กว่า 3.5 ล้านคนไม่มีใครรู้ว่าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มีกี่คนที่ยังมีงานทำอยู่และมีอีกกี่คนที่อาจอยู่ในภาวะตกงาน อย่างน้อยการลดเบี้ยปรับ ลดดอกเบี้ย ก็น่าจะทำให้อะไรๆดีขึ้น 
ลูกหนี้กยศ.ที่ได้คุยด้วยคนหนึ่งบอกว่าถ้าเงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นเงินที่มาจากภาษีประชาชนและเป็นเงินที่เพื่อโอกาสทางการศึกษาของผู้คนจริงๆ ก็ไม่น่าจะต้องมีการเก็บดอกเบี้ยเพราะเป็นเงินหลวง

ลูกหนี้​ กยศ.​ ถูกใจสิ่งนี้​ 'ลดดอกเบี้ย​-เบี้ยปรับ'​ แต่แก้ปัญหาได้จริงไหม?


แต่ในระบบของกองทุนการเงิน ที่ต้องมีค่าบริหารจัดการดอกเบี้ยก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมีค่าใช้จ่ายในการจัดการกองทุน ท่ามกลางความดีใจของลูกหนี้กยศต่อนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่จะลดดอกเบี้ยและลดเบี้ยปรับ ก็มีการตั้งคำถามว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่ 
ก่อนหน้านี้กยศ.ได้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้จนถึงขั้นถูกบอกเลิกสัญญา และดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยกองทุนฯให้โอกาสผู้กู้ในการผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 15 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นกับจำนวนทุนทรัพย์ (เงินต้น ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ) คงเหลือ ณ วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และหากผู้กู้ยืมผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง จะนำส่วนลดเบี้ยปรับกลับเข้ามาเป็นหนี้ตามคำพิพากษาทันที 
ข้อสังเกตที่สนใจคือในช่วงเวลาที่ผ่านมา มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ กยศ. ที่ออกมาในแต่ละปีไม่เหมือนกัน จนมีหลายมาตรฐาน เกิดความลักลั่น และยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง
#วชิรวิทย์ #วชิรวิทย์รายวัน #Vajiravit #VajiravitDaily #NationTV #Nation

logoline