หลังประชุมมาราธอนกันมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ ในที่สุดที่ประชุมผู้นำประเทศสมาชิกอียูก็ตกลงร่วมกันเสนอชื่อบุคคลในการดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ของอียูทั้ง 4 คนได้สำเร็จ ประกอบไปด้วยนางเออร์ซูลา วอน เดอร์ เลเยน รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีวัย 60 ปี ในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แทนนายฌอง-โคล้ด ยุงเกอร์นายชาร์ลส์ มิเชลล์ รักษาการนายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม วัย 43 ปี ในตำแหน่งประธานคณะมนตรียุโรป แทนนายโดนัลก์ ทุสก์, นางคริสตีน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ชาวฝรั่งเศส วัย 63 ปี ในตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรป แทนนายมาริโอ ดรากี, และนายโจเซฟ บอร์เรล รัฐมนตรีต่างประเทศสเปน วัย 72 ปี ในตำแหน่งผู้แทนระดับสูงด้านกิจการต่างประเทศหรือเทียบเท่ารัฐมนตรีต่างประเทศอียู แทนนางเฟเดริกา โมเกรินี
ขณะที่ในวันนี้ที่ประชุมสภายุโรปได้มีมติเลือกให้ นายเดวิด แซสโซลี ชาวอิตาลีวัย63 ปี ซึ่งมีจุดยืนกลางซ้าย เป็นประธานสภายุโรปคนใหม่ชื่อของนางเออร์ซูลา วอน เดอร์ เลเยน ซึ่งเป็นคุณแม่ลูก 7 และเคยถูกมองเป็นทายาททางการเมืองของแมร์เคิล ถือเป็นการสร้างเซอร์ไพรส์ เพราะเธอไม่เคยมีชื่อปรากฎในฐานะผู้ท้าชิงหรือตัวเต็งมาก่อน ไม่เคยหาเสียง และไม่เคยร่วมเวทีดีเบต ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจ เพราะมองว่า สุดท้ายเสียงของประชาชนก็ไม่สำคัญเท่ากับการเจรจากันเบื้องหลังของบรรดาผู้นำประเทศ
แม้เธอจะเป็นว่าที่ผู้นำอียูหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ และชาวเยอรมันคนแรกในรอบ 50 ปี แต่ชื่อเสียงของวอน เดอร์ เลเยน ในเยอรมนีกลับไม่ดีนัก จากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานและการจ้างที่ปรึกษาภายนอกแบบผิดกฎหมายส่วนในประเด็นอียู วอน เดอร์ เลเยนมีจุดยืนสนับสนุนให้สมาชิกอียูใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยเฉพาะในด้านกองทัพ โดยครั้งหนึ่งเคยพูดถึงแนวคิด "สหรัฐแห่งยุโรป" ด้วย และหากผ่านการรับรองจากสภายุโรป เธอจะเริ่มเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ หรือ 1 วันหลังเส้นตายเบร็กซิต