svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

จ่านิวโกอินเดีย?เราจะรอดไปด้วยกัน

06 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ถ้าจะมีใครสักคนที่เป็นตัวอย่างของ "ชนชั้นล่าง" ที่ต้องดิ้นรนดำรงชีวิต แต่ไม่ยอมจมกับครรลองที่ถูกบอกว่า "ควรจะเป็นแบบนี้ต่อไป" คนชื่อ "จ่านิว" ก็คงเป็นหนึ่งนั้น แต่การดิ้นรนของจ่านิวจนทำให้ต้องเจ็บตัว ต่อให้เป็นเรื่อง "หนี้นอกระบบ" หรือ "การเมือง" ก็ล้วนแล้วแต่สร้างคำถามคำโตไปยังผู้ปกครองอยู่ดี

ที่สำคัญ การเคลื่อนไหวของเขา เจ้าตัวบอกจนคอเป็นเอ็นมาตลอด ว่ามันเริ่มจากความยากจน และสถานะของผู้ถูกกดขี่ กับความเจ็บปวดที่มองเห็นว่ารากเหง้าต้นตอว่ามันมาจากตรงไหนกันแน่

++

ชนชั้นล่างระดับบน

สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์  หรือ "จ่านิว" เคยเล่าเรื่องตัวเองไว้ในบทสัมภาษณ์ของประชาไท ทั้งหมดสะท้อนถึงตัวตน วิธีคิด แต่มุมหนึ่งก็อาจทำให้ใครๆ เชื่อในสมมุติฐานที่ว่า จ่านิวเจ็บเพราะถูกกลุ่มทวงหนี้จัดการก็ได้


จ่านิวเล่าว่าตนเองเติบโตมาในครอบครัว "ชนชั้นล่างระดับบน" คือ กลุ่มคนทำงานที่มีรายได้จากงานที่ไม่ใช้ทักษะ มีมาตรฐานการครองชีพเหนือกว่าคำว่า "ยากจน" เล็กน้อยเท่านั้น


พ่อทำงานขนส่งสินค้า แม่รับจ้างทั่วไป เพราะต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ ที่เหลือ ซึ่งจ่านิวเป็นพี่ชายคนโตของน้องสาว 3 คน


เขาพูดประโยคหนึ่งว่า "ผมนี่ย้ายบ้านบ่อยจะตาย หลักๆ ก็อยู่ในกรุงเทพฯ มีนบุรี ลาดกระบัง หนอกจอก ที่ย้ายบ่อยนี่ก็เพราะหนีเจ้าหนี้นั่นแหละ ที่บ้านมีภาระหนี้สินเยอะ ผมไม่ใช่คนรวยอะไร เพิ่งจะอยู่เป็นหลักแหล่งก็ตอนอยู่ ม.ปลาย ก่อนหน้านั้นย้ายเป็นว่าเล่น" (ประชาไท 21 ก.พ. 2558)

เพียงแค่ชีวิตมัธยม จ่านิวต้องเรียนรู้ที่จะหลบเจ้าหนี้ที่มาซุ่มตามโรงเรียนเพื่อตามหาพ่อแม่ที่เป็นลูกหนี้ บางครั้งต้องหลบจนค่ำถึงจะกลับบ้านได้

ชะตาเหมือนแกล้ง ที่สุดพ่อจากไปในปี 2554 จ่านิวกลายเป็นผู้ชายคนเดียวของครอบครัว ในรอยต่อของชีวิตจากเด็กนักเรียนสู่นักศึกษา กับฐานะที่เป็นอยู่จึงนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากยิ่ง


จ่านิวพกเงินไม่มากไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ แต่เงินนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงที่ไปเป็นผู้ช่วยงานวิจัยของหน่วยงานราชการต่างๆ, อาศัยกินฟรีในบางมื้อจากเพื่อนๆ และคนที่รู้จักเห็นใจ รวมไปถึงต้องคอยมองหารถเมล์ฟรีที่รัฐบาลเคยมอบสิ่งดีๆ ให้คนจนเมือง

หากแรงขับของความจน จ่านิวจึงชอบหรือต้อง "อ่าน" เพื่อให้พบช่องทางที่จะหนีให้พ้นไปจากตรงนี้

++


กยศ. ต้องสู้

แม้การเป็นนักเรียนทุน "กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา" หรือ กยศ. มีรายงานว่าผู้กู้ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวฐานะปานกลางถึง 80% แต่จ่านิวก็ยังโชคดีที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องใช้ทุนนั้น

เด็ก กยศ. อย่างจ่านิว อ่านมามากพอจะรู้ว่าการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของความจน คือการไปไขที่เงื่อนปม ปรากฏว่าแทนที่จะเป็นบรรดาเจ้าสัวสร้างตัว จ่านิวกลับมีไอดอลเป็นนักปฏิวัติ และชอบอ่านงานของ "ฌอง ฌาค รุสโซ" จากเด็กยากจนสู่นักคิดสำคัญ ที่บอกว่า อำนาจย่อมไม่ก่อให้เกิดธรรม เว้นแต่ผู้ใช้อำนาจจะใช้อำนาจด้วยความยุติธรรมถึงจะมีความชอบธรรม

นิวบอกเสมอว่า ความใฝ่ฝันของเขาคือ การเป็นนักปฏิวัติสังคม สังคมที่เขาอยากเห็นคือ การเห็นคนเราเท่ากันทุกมิติ ทั้งการเมือง และเศรษฐกิจ


แม้ฟังดูยาก แต่เด็กวัย 20 ต้นๆ ในวันนั้นก็ไม่หยุดที่จะพาตัวเองเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่นลงเลือกตั้งสภานักศึกษาตั้งแต่เป็นเฟรชชี่แห่งคณะรัฐศาสตร์ พอปี 3 มาสอบตกนายกองค์การนักศึกษา

จากนั้นมาตั้งกลุ่ม "สภาหน้าโดม" เพื่อเป็นพื้นที่ให้นักศึกษาได้พบปะถกเถียง และเคยเข้าร่วมขบวนพาเหรดล้อการเมือง ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ปี 2558

ที่ชัดเจนกับความเป็นจ่านิวคือ เขาเคยรณรงค์เรียกร้องเรื่องราคาอาหารในโรงอาหารกลางที่แพงเกินไป เนื่องจากผู้บริหารให้สัมปทานบริษัทภายนอกเข้ามาดำเนินการ

"ตั้งแต่เด็กๆ ผมอยู่ในฐานะที่ต่ำของสังคม ถูกเอารัดเอาเปรียบ เจอแต่เรื่องไม่เป็นธรรม ถูกเขากดถูกเขาทำอะไรมาเยอะแยะ ทุกคนในบ้านก็ต้องดิ้นรน" เขาตอบแบบนี้ทุกครั้งที่เจอคำถามจากสื่อ ว่ามาเคลื่อนไหวทำไม

มาปี 4 จ่านิวเคลื่อนไหวในสเกลที่ใหญ่ขึ้น จนถูกดำเนินคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. จากกิจกรรม "การเลือกตั้งที่รัก(ลัก)" และกิจกรรม "กรวดน้ำคว่ำขัน" ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

หรือที่คนไทยเริ่มรู้จักเขากว้างขวางมากขึ้น คือกิจกรรมนั่งรถไฟไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติราชภักดิ์ และเป็นแกนนำการเมืองต่างๆ ทำกิจกรรมที่สวนทางกับรัฐบาล คสช. อีกมากมายตามที่รู้กัน

++

การศึกษาเพื่อชีวิต

ครั้งหนึ่ง ผู้คนบนโลกพยายามปลดแอกเพียงเพื่อตนจะได้มีการศึกษา ต่อมาผู้คนได้รับการศึกษา แต่ยังติดในแอกของระบบที่เป็นเครื่องมือของชนชั้นนำ

หากจ่านิวมองว่าการศึกษา คือเครื่องมือหนีจากการถูกกดขี่ เขาเคยบอกว่าตนเองจึงต้องดิ้นรนอะไรบางอย่าง แต่ไม่ได้อยากรอดอยู่แค่คนเดียว แต่อยากให้คนทั้งสังคมรอดไปด้วยกัน

จึงไม่แปลกที่เขาจะโดนจับในหลายๆ ครั้ง และหลายหนมีรายงานว่าเขาถูกอุ้มไปข่มขู่ ขณะที่ทุกวันนี้ยังมีคดีต่างๆ คาราคาซัังไม่จบสิ้น

หากสิ่งที่แม่ของเขากังวล ไม่แพ้เรื่องอนาคตทางการศึกษา ก็คือเรื่องเงินประกันตัวออกจากคุก เพราะเธอแค่รับจ้างทำงานบ้านรายวัน และเป็นหมอดู

ที่สุด แม้จ่านิวจะยังคงทำกิจกรรมการเมือง แต่คาบเกี่ยวกันเขาก็ร่ำเรียนจนจบเกือบครบ 6 ปี ได้ใบปริญญาสิงห์แดงมาครองช่วงปี 2560 เขาโพสต์เฟซบุ๊กในวันที่ 26 มีนาคม 2560 อย่างภาคภูมิว่า

"หลังจากเคลียร์ภาระหนี้สินกับทางมหาวิทยาลัยด้วยความอนุเคราะห์ของหลายท่าน ก็ได้อนุมัติให้จบอย่างสมบูรณ์ศุกร์ที่ผ่านมา ไม่เคยคิดว่ากว่าจะได้ปริญญานี่ใช้เวลาเกือบหกปี เอาเถิดอย่างน้อยก็จบต้องฝ่าฟันดิ้นรนไม่ใช่น้อย"

จะเห็นว่าทุกๆ ความเป็นไป เรื่องความยากจนจะอยู่ในทุกลมหายใจของเขา กองเชียร์เลยเชื่อว่า ถ้าใครสักคนจะรับเงินมาเคลื่อนไหว คนนั้นคงไม่ใช่จ่านิวแน่ๆ

แม้ขณะที่เขาถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมตี หลังเคลื่อนไหวในฐานะแกนนำกลุ่มสตาร์ทอัพพีเพิล เรียกร้องให้ ส.ว. 250 คน งดออกเสียงโหวตเลือกนายกฯ มันก็เกิดขึ้นที่ข้างถนนที่เขาเดินอยู่ทุกวัน ไม่ต้องถามเรื่องรถส่วนตัวที่ไหน

เจ็บหนนี้ พัฒน์นรี ชาญกิจ หัวอกแม่จึงให้ข่าวแก่สื่อทำนองว่า "ต้องจบ" เพราะเธอยืนยันว่า หลังประสานว่าขอเลื่อนรายงานตัวแล้ว จากนี้ถ้าลูกฟื้นตัวหายเมื่อไรก็จะให้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อินเดียทันที !

เผื่อใครไม่รู้ จ่านิวในวัย 27 เขาได้โอกาสศึกษาต่อโดยทุนของรัฐบาลอินเดีย เรียนที่มหาวิทยาลัย Savitribai Phule Pune ประจำเมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย และเป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นด้านรัฐศาสตร์และการเมืองพอสมควร

เขาเคยบอกว่าอยากไปเอาองค์ความรู้จากประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาพัฒนาทั้งศักยภาพของตัวเองและการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยบ้านเรา

ชีวิตเหมือนหนังที่มีหลายภาค คนไทยก็คงรอดูจ่านิวในภาคต่อๆ ไป

logoline