"กนก" ฝากไว้ให้คิด "คนแบบนี้ อยากให้เขาเป็นผู้นำครอบครัวหรือ"

ปรากฏว่ามีชาวโซเชียลมากมายเข้ามาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ตอบโต้ชายรายดังกล่าว ถึงความไม่เหมาะสม ทว่าหนุ่มรายดังกล่าวมิได้มีจิตสำนึกถึงการกระทำของตัวเอง กลับโต้กลับคนที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
กราบขอบพระคุณสื่อเนชั่นที่เอาผมไปเขียนข่าวนะครับ เชิญพี่น้องชาวนกหวีดสลิ่มศรีคนดีของชาติ ส่อง เสือกได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ ข่าวหน้าฟีดผมแชร์ไว้เพียบ อ่านๆกันบ้างนะครับ หูตา จะได้สว่างๆ มีสมองขึ้นมาบ้าง..ผมก็ขี้เกียจจะไปตามด่าตามว่าละเหมือนกัน เหนื่อย ขี้เกียจเอาลิ้งข่าวมาตามแปะให้อ่าน ให้พวกมึงฉลาดกันเนี่ย

ภายหลังที่ได้โพสต์ลงสังคมออนไลน์ผู้คนต่างทวีความเดือดเข้าไปต่อว่าและตำหนิถึงพฤติกรรมของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ หลังจากนั้นผ่านไปไม่นานผู้ใช้เฟซบุ๊ครายนี้ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไป ในขณะที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ค ก็ได้นำเอาประวัติของหนุ่มคนนี้ออกมาเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งที่ทำงาน
จนกระทั่งทางบริษัทต้นสังกัดของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ออกมาขอโทษถึงพฤติกรรมของพนักงานในสังกัด พร้อมจะพิจารณาบทลงโทษของพนักงานด่วนที่สุด "ขออภัยแทนทุกท่านด้วยนะครับ ในความประพฤติของพนักงานทางบริษัทจะพิจารณาบทลงโทษพฤติกรรมของพนักงานด่วนที่สุดขอความกรุณาพฤติกรรมต่างๆทางบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้นครับ"

ต่อมาหนุ่มรายนี้ได้ออกมาโพสต์ขอโทษว่า "ผมต้องขออภัยพี่น้องชาวโซเชียลด้วยนะครับ เป็นเพราะความปากหมาของตัวผมเอง ต้องขออภัยทุกๆฝ่าย ทั้งพี่ตูน และ น้องที่ขอบริจาคเลือด และมูลนิธิที่บริจาคเลือด รวมถึงชาวเพจเนชั่นทุกๆท่าน ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ ผมสำนึกผิดแล้วครับ ให้อภัยผมนะครับ ผมสัญญาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับ สำนักข่าวเนชั่น ไม่ไปด่าทอต่อพี่น้องที่เห็นต่างอีกแล้วครับ.."

นอกจากนี้เจ้าตัวยังได้โพสต์เพิ่มเติมถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมภาพที่เจ้าตัวยกมือขอโทษว่า "ผมต้องขออภัยพี่น้องชาวโซเชียลด้วยนะครับ เป็นเพราะความปากหมาของตัวผมเอง ต้องขออภัยทุกๆฝ่าย ทั้งพี่ตูน และ น้องที่ขอบริจาคเลือด และมูลนิธิที่บริจาคเลือด รวมถึงชาวเพจเนชั่นทุกๆท่าน ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ ผมสำนึกผิดแล้วครับ ให้อภัยผมนะครับ ผมสัญญาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับ สำนักข่าวเนชั่น ไม่ไปด่าทอต่อพี่น้องที่เห็นต่างอีกแล้วครับ..
เจตนาโดยแท้จริงของผมแล้ว ผมแค่ต้องการให้พี่น้องคนไทยด้วยกัน รักและสามัคคีกัน ให้เป็นสยามเมืองยิ้มเหมือน 10 ปีก่อน ก่อนที่จะมีม้อบสีคนไทยทะเลาะกัน ผมแค่อยากเห็นภาพเหล่านั้นกลับคืนมา เราเคยรักใคร่กลมเกลียวกัน ทุกท่านยังจำได้มั้ย?
บางทีผมก็อยากเอาข้อมูลที่เป็นความจริงมาให้อ่านให้ดูกัน แต่ก็โดนด่ากลับเหตุเพราะเชื่อต่างกัน ข้อมูลไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่เป็นไรผมไม่ว่า แต่หลายๆครั้งผมก็ยอมรับว่าเก็บกด จึงใช้ถ้อยคำที่รุนแรงและไร้จิตสำนึกออกไป ผมขอยอมรับผิด และผมต้องขอโทษทุกฝ่าย ทั้งสำนักข่าวต่างๆ และ เพจที่เกี่ยวข้อง ผมขออภัยอย่างสูง

แต่ก็ยังคงมีผู้ใช้เฟซบุ๊คอีกจำนวนมาก ได้แชร์ข้อความขอโทษของหนุ่มคนนี้ออกไป ในลักษณะที่ว่าที่ออกมาขอโทษสังคมนั้น ยังไม่ได้สำนึกผิดแต่อย่างใด เพราะมีการโต้ตอบกับผู้ที่มาแสดงความเห็นบางรายในลักษณะที่ขอให้เหตุการณ์นั้นจบไป หรือ เพียงเพื่อลดกระแสการต่อต้านเท่านั้นจากการตรวจสอบของสำนักข่าวเนชั่น พบว่าหนุ่มรายนี้มีพฤติกรรมแสดงออกทางการเมืองที่ชัดเจนมาโดยตลอด ซึ่งดูจากโพสต์ต่าง ๆ บนหน้าเฟซบุ๊ค และที่ผ่านมานั้นหลายครั้งที่นายคนนี้ได้เข้ามาคอมเม้นในเพจเฟซบุ๊คเนชั่นทีวี 22 โดยใช้ข้อความที่ไม่เหมาะสม กับผู้ใช้รายอื่น
ต่อมาทางบริษัทต้นสังกัดได้ออกหนังสือชี้แจงพฤติกรรมการกระทำของพนักงานบริษัทฯ ดังนี้
ตามที่มีกระแสด้านโซเชียลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพนังานบริษัท ชื่อนายเถลิงเกียรติ สุดารี นั้นบริษัทฯขอนอบรับคำวิจารณ์ทุกๆคำวิจรณ์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัทเองมิได้นิ่งนอนใจกับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น และไต้เรียกพนังงานที่ถูกกล่าวหามาพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
บริษัทฯเองโดยผู้บริหารขอเรียนชี้แจงว่าด้วยวัฒนธรรมองค์กร บริษัทฯตระหนักและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝาย ไม่ว่าจะเปืนในเรื่องธุรกิจ และการทำงานภายในบริษัท ทั้งตัวลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน โดยตั้งอยู่บนหลักเหตุและผลที่ปรากฎ และยอมรับในความคิดต่าง ซึ่งมิใช่เป็นแค่เพียงวาทะกรรม แต่เราปฏิบัติกันจริงๆภายในบริษัทฯ นอกเหนือจากนั้นบริษัทฯได้ให้ความเคารพสิทธิ์ส่วนบุคคลของพนักงานแต่ละคน ไม่ว่าความคิดเห็นทางการเมือง ครอบครัว หรือแม้จะมีธุรกิจหลังเลิกจากการทำงาน ฯลฯ แต่จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของบริษัทฯ เพราะบริษัทฯเองมีความเข้าใจในพื้นฐานของแต่ละครอบครัวที่ต่างกัน ซึ่งมาทำงานในที่ๆเดียวกัน
ในกรณีนี้เช่นเดียว แม้ว่าเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลในการที่จะวิจารณ์ในที่ๆเป็นสื่อของแต่คะบุคคลก็ตาม แต่เมื่อใดที่ส่งผลกระทบต่อบริษัท บริษัทได้ขอใช้อำนาจที่พึงมีพิจารณาตามกรอบเหตุและผลเกี่ยวข้องกับพนักงานท่านดังกล่าวในทุกๆด้าน
หลังจากการพิจารณาโดยถี่ถ้วน จึงได้ตักเตือน สั่งพักงานและทำทัณฑ์บน โดยทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรตามรูปแบบของบริษัทฯต่อไป รวมทั้งให้พนังานท่านดังกล่าวแสดงสปีริตในการที่จะขอไทษในสิ่งที่กระทำลงไปบนสื่อโซเซียลที่ได้วิจารณ์มาและบนหน้าเพจของตนเอง แต่หากมีการกระทำความผิดซ้ำเดิมอีกครั้ง บริษัทฯจะพิจารณาโทษในลำดับขั้นต่อไปต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊กขอโทษอีกครั้ง และ บอกต่อว่าจะไปบริจาคเงินให้พี่ตูน โดยระบุข้อความว่าดังนี้ผมต้องขอโทษอีกครั้งด้วยนะครับ ขอความกรุณาเห็นใจ ผมพลาดผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้ว ต่อจากนี้ผมจะทำดีเพื่อสังคมแทนคำขอโทษละกันน่ะครับ
ผมจะไปบริจาคเงินให้พี่ตูน
ผมจะไปบริจาคเลือดให้โรงพยาบาล
หรือกิจกรรมต่างๆเพื่อสังคม เพื่อเป็นการขอโทษจากใจผมครับ
ขอบคุณครับต่อมา วันนี้ ทางบริษัทต้นสังกัดของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ได้โพสต์แถลงปลดพนักงานรายดังกล่าวในทันทีโดยระบุว่า...
ประกาศ บ.connext property จำกัด
เรื่อง แจ้งบุคคลพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
บริษัท ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า นาย เถลิงเกียรติ สุดารี ได้พ้นสภาพการเป็นพนักงานบริษัท connextproperty จำกัด ตั้งแต่วันที่5กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป ทางบริษัท ไม่ขอรับผิดชอบ ต่อการกระทำใดๆของ นาย เถลิงเกียรติ สุดารี นับตั้งแต่วันที่ 5 กรกรฎาคม 2562นี้เป็นต้นไป..
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
connext property
ปล.การพ้นสภาพโดยสมบูรณ์จะต้องทำการเซ็นลายมือชื่อของพนักงานดังกล่าว..จะมีเอกสารแจ้งให้ทราบแบบเป็นทางการในวันจันทร์ที่8กรกฎาคมนี้ ก่อนเวลา 12.00 น.

ล่าสุด "กนก รัตน์วงศ์สกุล" ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ โดยระบุข้อความว่าก่อนไปถึงเรื่อง "ผู้หญิงหยำฉ่า" พร่าสวาท! เรามาสรุปชีวิตของผู้ชาย ที่น่าจะใช้เวลาสำนึกขออภัยยาวนานที่สุด...แต่กระนั้น ก็ยังมีคนสงสัย สำนึกจริงไหม..เรื่องเริ่มจาก เพจ NationTV 22 ขอรับบริจาคเลือดช่วยเด็กน้อยวัย 9 เดือน เป็นไข้เลือดออกอาการหนัก ! แล้วชายคนนี้เข้าไปป่วน !"ขอวอนชาวสลิ่มอย่าไปบริจาคเลือดนะครับ อาจส่งผลกับการพัฒนาสมองของเด็กได้"ข่าวข้น คนเนชั่น เปิดเผยชื่อจริงและหน้าตาของชายคนนี้ เพราะเห็นว่า มันเกินเลยไปมาก แม้จะรู้มาก่อนว่า เขาแสดงความเห็นป่วนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นโพสต์การเมือง หรือไม่ใช่การเมืองเช่น กล่าวหา "พี่ตูน" มีอาชีพวิ่งขอทาน ซึ่งมันแรงมากๆ.. แต่ครั้งนี้แรงยิ่งกว่าในความรู้สึก ด้วยอาการของเด็กนั้นน่าเป็นห่วงที่สุด.. และโดยบริบทแล้ว ไม่มีจุดเชื่อมโยงที่ชายคนนี้ จะมาเม้นท์ป่วนด้วยเรื่องการเมือง แต่เขาก็ยังทำ

หลังจากรายการได้ตำหนิออกอากาศ เขายังไม่รู้สึก..ยังโพสต์ขอบคุณประชด..พร้อมกระแนะกระแหน "สลิ่มศรีคนดีของชาติ.."แต่ในโพสต์นี้ของเขานั้น ถูกสังคมโซเชียลถล่มยับ ขุดรากถอนโคนโพสต์เก่าๆ และคนรอบข้าง ตำหนิไปถึงบุพการี ลงรูปแฟน จนไปถึงบริษัทที่เขาทำงานเริ่มมีคนตามเข้าไปด่าในเพจของบริษัท และขอให้ทางบริษัทต้นสังกัด ไล่คนเยี่ยงนี้ออกโดยด่วนจนเขาต้องลบโพสต์ และขออภัยอีกทีกลางดึก อ้างว่า "..แค่ต้องการให้คนไทยรักกัน สามัคคีกัน ให้เป็นสยามเมืองยิ้มเหมือน 10 ปีก่อน...บลา ๆๆ.."อ่านแล้วก็ยังไม่ใช่ "การขออภัยที่ออกมาจากจิตสำนึก" อยากให้คนไทยสามัคคีกัน แต่ไปป่วนกวนกระแสหลายๆโพสต์ทางเพจจนสายสืบโซเชียลไปขุดโพสต์ที่มันเคยโพสต์ว่าบริษัท "บริษัท..!!..เดี๋ยวกูจะลาออกให้ดู" ขณะที่เพจที่ทำงาน โดนถล่มหนักขึ้นๆมันจึงขออภัยอีกที และอีกที...บอกว่า "จะไปบริจาคเงินให้พี่ตูน..จะไปบริจาคเลือดให้โรงพยาบาล..เพื่อเป็นการขอโทษจากใจ.."หลังจากบริษัทที่เขาทำงาน ออกหนังสือแถลงการณ์ "ได้ตักเตือน สังพักงานและทำทัณฑ์บน รวมทั้งให้พนักงานคนนี้ ขอไทษในสิ่งที่กระทำลงไปบนสื่อโซเซียล.."และทราบมาว่า ทางคณะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสยาม ต้องการให้ถอนชื่อพ้นไปจากมหาวิทยาลัย !สรุปจากพฤติกรรมทั้งหลายที่ผ่านมา คงเป็นข้อมูลมากพอที่ทุกคนที่ใกล้ชิดกับชายคนนี้ จะคิดได้ไม่ยากว่า เราอยากให้บริษัท ห้างร้าน องค์กรของเรา มีคนเช่นนี้อยู่หรือ ?!?เราอยากมีเขาอยู่ร่วมแผนก..ร่วมประชุม..ร่วมสร้างสรรค์ผลงานให้บริษัท หรืออยากร่วมกินข้าวมื้อเที่ยงด้วยหรือ ?!?สำหรับคุณผู้หญิง..คุณอยากมีคนรักแบบนี้..อยากควงเดินไปเที่ยวห้าง..ไปดินเนอร์ให้ใครๆเห็น..อยากมีเขาเป็นผู้นำครอบครัว..เป็นพ่อของลูก..เป็นคนที่ร่วมเสพสังวาส ให้น้ำเชื่อคนแบบนี้ เข้าไปในตัวคุณหรือ ?!?ฝากไว้ให้คิดครับ