พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พลโท ณรงค์พล จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมคณะเดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่ อ.ธารโต และ อ.เบตง จะ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบสมัยรับราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างสบานบินเบตง โดยมี พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้การต้อนรับ โดยในช่วงเช้า พลเอก อภิรัชต์ พร้อมคณะ ไปที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจชายแดนที่ 44 อ.ธารโต พบปะกับฝ่ายปกครองและผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่
พร้อมระบุรู้สึกดีใจที่พื้นที่นี้มีความเจริญไปมาก อยากให้ช่วยกันดูแล โดยเฉพาะสนามบินเบตง ที่ก่อสร้างในยุค พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปี 2558 ส่วนพื้นที่ธารโต ที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ให้คำนึงถึงเรื่องสิ่งเเวดล้อม สาธารณสุขด้วยจากนั้น ผู้บัญชาการทหารบก ให้โอวาทหน่วยเฉพาะกิจตำรวจชายแดนที่ 44 ว่า แม้ว่า อ.ธารโต และ อ.เบตง จะมีความสงบสุขมากกว่าสมัยที่ตนเคยรับราชการ แต่ต้องไม่ประมาทและมีความพร้อมอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยต่อเนื่อง เฝ้าระวังบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาก่อเหตุโดยเฉพาะสนามบินเบตง กำลังจะแล้วเสร็จ การใช้เส้นทางต้องปลอดภัยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่สำคัญขออย่าเข้าไปมีส่วนร่วมในสิ่งผิดกฎหมาย
เพราะเราเป็นข้าราชการขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นข้าราชการในกองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมีความภาคภูมิใจ และการปฏิบัติงานในหน้าที่ขอให้ยึดถือตามหลักกฎหมาย ต่อจากนั้นไปตรวจความคืบหน้าที่สนามบินเบตง โดย ผู้บัญชาการทหารบก บอกว่า จุดเริ่มต้นของสนามบินเบตงมาจาก นายคุณวุฒิ มงคลประจักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเบตง ที่คิดริเริ่มอยากให้มีสนามบินเบตง ตั้งแต่ปี 2538 จากนั้นอีก 10 ปีต่อมา หรือปี 2548 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สมัยดำรงตำแหน่งเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ลงพื้นที่มาเยี่ยมกำลังพลและดูการปฏิบัติงาน / ถัดไปอีก 20 ปี (ปี 2558) ครม.พลเอก ประยุทธ์ อนุมัติให้สร้างสนามบินเบตง โดยมีวิสัยทัศน์ว่าสนามบินแห่งนี้ อยู่ในแผนพัฒนา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครอบคลุม 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ซึ่งเดิมสนามบินนี้ทำรันเวย์ แค่ 1,800 เมตร แล้วมีการขยายเพิ่มอีก 300 เมตร เพื่อให้เครื่องบินแอร์บัส และโบอิ้ง 737 , 747 สามารถลงได้ โดยรัฐบาล คสช. มีวิสัยทัศน์เปิดประตูการค้าขาย เปิดประตูอาเซียนและการค้าเสรีด้วยปัจจุบันสนามบินเบตง อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดใช้บริการแบบครบวงจรในปี 2564 นำไปสู่ความเจริญหลายด้าน และพื้นที่นี้จะกลายเป็นศูนย์ท่องเที่ยวใหญ่ที่สุด นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ชาวไทยพุทธและมุสลิม อยู่กันอย่างมีความสุข นอกจากนี้ อ.เบตง เป็นพื้นที่ที่มีคุณลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ และด้วยสภาพภูมิศาสตร์สนามบินเบตงห่างจากสนามบินอื่นเกิน 100 กิโลเมตรขึ้นไป โดยสนามบินที่ใกล้ที่สุดคือฝั่งมาเลเซีย สนามบินปีนัง
จึงเชื่อมั่นว่า หากสนามบินเบตงเปิดให้บริการสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ปีละ 1 ล้านคน และในชั่วโมงเร่งด่วนสามารถรับผู้โดยสารชั่วโมงละ 300 คน ถือว่าความฝันที่เบตงจะเป็นประตูการค้า เกิดขึ้นในสมัยของ คสช. ซึ่งถือเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตนดีใจที่ได้มาเห็นความสำเร็จ และขอให้การดำเนินงานผ่านไปด้วยความราบรื่นส่วนเรื่องความมั่นคง หน่วยงานความมั่นคงก็จะให้การสนับสนุนในทุกรูปแบบ เพราะจะสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีเศรษฐกิจที่ดี ความไม่สงบก็น่าจะเบาบางลง ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานในอนาคต ทาง กอ.รมน. ภาค 4 จะหารือกับการท่าอากาศยานฯ ต่อไป โดยสนามบินเบตง จะอยู่ภายใต้การดูแลของสนามบินนราธิวาส ขณะที่การดูแลในพื้นที่รอบนอก เป็นหน้าที่ของทหารและประชาชนในพื้นที่ร่วมกัน ซึ่งพื้นที่เบตงค่อนข้างจะมีความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว