svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ฝากรัฐบาลใหม่อย่าบิดเบือนกลไกข้าวเกินความจำเป็น

04 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ชุติมา" ฝากว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่ระวังการใช้มาตรการที่บิดเบือนกลไกตลาดดูแลราคาข้าว หวั่นซ้ำรอยโครงการแทรกแซงในอดีตที่ใช้เงินแทรกแซงสูงเพื่อเอาใจชาวนา

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์กล่าวว่า อยากฝากให้รัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่เข้ามาสานต่อการทำงานคือการผลักดันแผนข้าวครบวงจร ที่ใช้ตลาดนำการผลิตทำให้เกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่และปริมาณที่เหมาะสม มีตลาดรองรับผลผลิตซึ่งช่วยพยุงราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำและไม่บิดเบือนกลไกตลาดจนเกินไป


ฝากรัฐบาลใหม่อย่าบิดเบือนกลไกข้าวเกินความจำเป็น


ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลชุดใหม่จะไม่สามารถใช้มาตรการแทรกแซงในการดูแลเกษตรกรเพราะมาตรการแทรกแซงเกษตรกรทั่วโลกก็ทำกัน แต่การใช้มาตรการใดๆกับข้าวจะต้องระมัดระวังไม่บิดเบือนกลไกตลาดมากเกินไป  หรือให้ใช้มาตรการที่บิดเบือนกลไกตลาดน้อยที่สุดเพราะถ้าใช้มาตรการที่บิดเบือนกลไกตลาดมากเกินไป เกษตรกรจะแห่ปลูกไม่รักษาคุณภาพข้าว และจะเกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่เคยผ่านมา


"หากจะมีมาตรการใหม่ๆเข้ามาเสริมเพื่อพยุงราคาเช่น การประกันรายได้ ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยใช้มาก่อนจะต้องกำหนดแนวทางดำเนินการที่รอบคอบ รัดกุมที่สุด ทั้งการลงทะเบียนชาวนากำหนดราคาอ้างอิง และราคาข้าวในแต่ละช่วงที่จะขายซึ่งการกำหนดราคาจะต้องไม่สูงเกินไปจนกลายเป็นภาระของรัฐบาลเหมือนการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา"


อย่างไรก็ตามสิ่งที่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้าไปแก้ไขปัญหาในเรื่องของระบบข้าวช่วง 5ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่คสช.เข้ามาบริหารประเทศ คือ การระบายข้าวสารออกจากสต๊อกรัฐบาล18.6 ล้านตันได้สำเร็จ และไม่กระทบกับราคาตลาด จนทำให้รัฐบาลลดภาระในการจัดเก็บข้าวและยังแก้ไขอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ ส่งผลให้การส่งออกข้าวไทยกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติสามารถกลับมาเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 และอันดับ 2 ได้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา


นอกจากนี้ยังต้องการให้รัฐบาลใหม่เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอย ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคขณะนี้แทบไม่มีการขอปรับขึ้นราคาขาย แต่กรมการค้าภายในดูแลอยู่แล้วขณะที่ด้านการส่งออกนั้น ในปีนี้ การส่งออกของทั่วโลกลดลงหมดเพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากผลกระทบของสงครามการค้า แต่ไทยได้พยายามหาตลาดใหม่ที่ยังมีศักยภาพนำเข้าสินค้าไทย รวมถึงหาตลาดเมืองรองในตลาดหลัก ซึ่งมั่นใจว่ามูลค่าการส่งออกของไทยปี 2562 ยังคงขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 3%


สำหรับการเจรจาการค้าระหว่างประเทศนั้นรัฐบาลใหม่ควรเดินหน้าเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆให้มากขึ้น เพราะจะช่วงขยายการค้า การลงทุนของไทยได้มากขึ้นท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การปกป้องการค้าที่มีมากขึ้นโดยเอฟทีเอแรกต้องทำให้เสร็จในปีนี้ คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซ็ป) 

 

logoline