น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์เปิดเผยว่า กรมการข้าวได้พัฒนาข้าวเจ้าสายพันธุ์ใหม่คือ ข้าวกข.79ซึ่งเป็นข้าวพื้นนิ่มเพื่อนำมาทำตลาดต่างประเทศแข่งขันกับข้าวพื้นนิ่มของประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่ปัจจุบันข้าวพื้นนิ่มของเวียดนาม เช่น ข้าวหอมพวงเวียดนามได้รับความนิยมในต่างประเทศมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิของไทยมากและอาจมาแย่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยในอนาคตได้
สำหรับการพัฒนาข้าวกข.79เป็นเพราะผู้ส่งออกไทยเรียกร้องให้กรมการข้าวพัฒนาข้าวพื้นนิ่มเพราะผู้ซื้อต่างประเทศนิยมบริโภค จากปัจจุบัน ข้าวขาวของไทยเป็นข้าวพื้นแข็ง เช่นข้าวเสาไห้ ข้าวเจ๊กเชย มีเพียงข้าวหอมมะล ข้าวหอมปทุมธานี ที่เป็นข้าวพื้นนิ่มแต่มีราคาแพงกว่าของคู่แข่งมาก ขณะเดียวกัน ยังเป็นการแก้ปัญหากรณีที่ปัจจุบันชาวนาไทยในหลายพื้นที่นำข้าวหอมพวงของเวียดนามเข้ามาเพาะปลูกมากขึ้น ซึ่งเกรงว่าหากมีการเพาะปลูกอย่างกว้างขวาง จะมาแย่งตลาดข้าวไทย ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกได้
"ขณะนี้ ข้าวกข.79 อยู่ในระยะทดลองตลาดโดยกรมการข้าวเพิ่งส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาในพื้นที่ประมาณเกือบ 9,000 ไร่ ใน 7 จังหวัด เช่น พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ชัยนาท สงขลา นครศรีธรรมราช เป็นต้น และจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนต.ค.นี้ขณะนี้มีผู้จองซื้อหมดแล้ว และจะนำไปส่งออกไปหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์คาดจะส่งออกได้ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป สำหรับราคาขายข้าวเปลือกข้าวกข.79อยู่ที่ตันละ 8,000-8,500 บาท สูงกว่าข้าวเจ้าทั่วไปตันละประมาณ 500บาท ในฤดูกาลผลิตต่อไปจะเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกให้มากขึ้น และหวังว่าตลาดต่างประเทศจะนิยมข้าวชนิดนี้ของไทยมากขึ้น"
อย่างไรก็ตามขณะนี้โรงสีมีความกังวลว่า อาจมีการนำเอาข้าวเปลือกกข.79มาปลอมปนกับข้าวเปลือกหอมมะลิแล้วมาขายให้กับโรงสี ซึ่งจะทำให้โรงสีขาดทุนได้ดังนั้น กรมการข้าวจึงได้กำหนดแผนในการแก้ปัญหาไว้แล้ว โดยจะจำกัดพื้นที่เพาะปลูกเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง จะไม่ให้เพาะปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคอีสาน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิที่สำคัญรวมถึงจะมีการลงทะเบียนชาวนาผู้ปลูกข้าวกข.79 รวมถึงโรงสีและผู้ประกอบการค้าข้าวที่จะซื้อพันธุ์นี้ไปจำหน่ายด้วยเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการปลอมปนหรือนำพันธุ์อื่นมาปลูกมาพื้นที่จนทำให้เกิดการกลายพันธุ์