เศรษฐกิจฟองสบู่ คือภาวะที่ราคาของสินทรัพย์ หรือหน่วยลงทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าราคาตามความเป็นจริง จนเกิดอุปสงค์เทียมจากการเก็งกำไรที่ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และขยายตัวเหมือนฟองสบู่ โดยส่วนใหญ่ภาวะฟองสบู่นี้จะจบลงเมื่อเกิดเหตุที่ทำให้นักลงทุนเลิกคาดหวังว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีก หรือรัฐบาลออกนโยบายเพื่อดึงราคาลงสู่ภาวะปกติ
หากนิยามของภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่เป็นเช่นนี้ ก็สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยในปัจจุบัน ที่ไม่ได้มีราคาสินทรัพย์หรือหน่วยลงทุนที่สูงหวือหวา หากแต่กลับอยู่ภาวะค่อนข้างซบเซาด้วยซ้ำ ดังนั้นข่าวลือ ข่าวปล่อยใน Social Media ที่บอกว่าจะเกิดฟองสบู่แตกรอบที่ 2 ก็เป็นข่าวลือ ที่ไม่มีเหตุผลของข้อเท็จจริงเลย
แต่ถ้าให้เดาใจของคนที่ปล่อยข่าวลือนี้ เขาอาจจะคิดว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่จนอาจไปถึงจุดที่เคยเจอมาในปี 2540 แต่ว่าจุดเริ่มของความเลวร้ายในปี 2540 นั้นคือภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งไม่ใช่ภาวะที่เกิดขึ้นเหมือนในทุกวันนี้
ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นวันนี้คือ การส่งออกชะงักงัน ราคาสินค้าเกษตรทุกตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำ เป็นเหตุให้รายได้ของครัวเรือนลดลง การลงทุนในประเทศไม่มี เว้นแต่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
ขณะเดียวกันธุรกิจ SMEs ขนาดกลางขนาดย่อม ก็ไปต่อได้ยาก เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีกำลังซื้อ นี่ยังไม่นับรวมความปั่นป่วนทางเทคโนโลยี หรือว่า "ดิสรับชั่น" ที่ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัว หรืออีกหลายธุรกิจต้องล่มสลายปิดตัวไปอย่างเช่น สื่อสิ่งพิมพ์
อีกทั้งปัจจัยภายนอกไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า หนักกว่านั้นคือปัจจัยภายในประเทศ ที่ทุกวันนี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล ที่เรียกความเชื่อมั่น ให้กับประชาชนได้ การแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี โดยไม่เห็นว่าคนที่จะเข้ามานั่งทำงานในกระทรวงนั้นมีความสามารถหรือมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับการแก้ปัญหาในปัจจุบันยิ่งทำให้ ไม่เห็นภาพอนาคต ว่าจะมีใครแก้ปัญหาได้
"ทฤษฎีเศรษฐกิจกบต้ม" เป็นภาวะเศรษฐกิจขาลงอย่างเงียบๆ เหมือนกบที่นำมาต้มในน้ำ แรกๆก็รู้สึกอบอุ่น แต่ว่าความอุ่น นั้นค่อยๆ ร้อนขึ้น จนกระทั่งน้ำเดือด และตายในที่สุด
เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ ดุลการค้ายังเกินดุล อัตราเงินเฟ้อยังต่ำ การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ แต่ธุรกิจเกือบทั้งหมดขาดทุน มากไปกว่าภาคธุกิจคือรากหญ้า ภาคการเกษตร ภาคครัวเรือน ที่มีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น ความสามารถในการชำระหนี้ต่ำลง หนี้เสียจะเพิ่มมากขึ้น หรือ คนที่ไม่เดือดร้อนอะไรก็จะรัดเข็มขัดไม่ออกไปใช้จ่าย ขณะเดียวกัน ค่าครองชีพก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย และถ้ายังซบเซาเช่นนี้ต่อไป ก็เหมือนน้ำ ที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายกบที่อยู่ในหม้อต้มเดือดก็ตายโดยไม่รู้ตัว เหมือนคนบางคน รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนตกงาน!