ทั้งนี้ไม่มีความหนักใจในการต่อสู้คดี เพราะไม่มีการประกอบกิจการสื่อสารมวลชน มีการเตรียมพยานหลักฐานครบ 100% แล้ว รอเพียงสำเนาคำร้องจากศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีมาตรฐานเดียวกันในการวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงคือแม้จะใช้รัฐธรรมนูญมาตราเดียวกันคือ 98 (3) แม้จะเหมือนกับกรณีของนายธนาธร แต่แตกต่างกันในข้อเท็จจริง จึงเรียกร้องไปยังพรรคอนาคตใหม่ว่า อย่ามีพฤติกรรมกดดันการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้สู้ด้วยความจริง ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะต่อสู้ในเรื่องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) ว่า กรณีการห้ามถือหุ้นสื่อ เป็นการป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขัน เพราะหากมีผู้ลงสมัครเป็นเจ้าของสื่อก็จะได้เปรียบ จึงเขียนมาตรานี้เพื่อป้องกันให้ทุกคนแข่งขันกันอย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้จะมีการชี้แจงวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิว่าเข้าข่ายประกอบกิจการสื่อจริงหรือไม่ รวมถึงจะนำเอกสารยืนยันให้เห็นว่าไม่เคยมีการยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตดำเนินกิจการสื่อสารมวลชน อีกทั้งไม่มีรายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการสื่อสารมวลชนด้วย ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีการจัดทำงบดุลแสดงรายได้ที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งนี้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะมีสอบข้อเท็จจริงเป็นรายกรณี เพื่อเดินเครื่องในการทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มรูปแบบ