"อนุชา-สุชาติ" ส่อวืดรมต. กลุ่มสามมิตรถกเครียด คาด "เทวัญ" ได้รมช.อุตฯ

ความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จกลางเดือนก.ค.นี้ วานนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ภายหลังจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แจ้งให้ผู้มีรายชื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทยอยมากรอกประวัติและรับแบบฟอร์มเพื่อกรอกประวัติ ปรากฏว่า ในส่วนของกลุ่มสามมิตรเอง มีเพียงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ได้รับแจ้ง ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท .ที่ก่อนหน้านี้มีชื่อจะไปเป็น รมช.คลัง จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 27 มิ.ย. ก็ยังไม่ได้รับแจ้งให้มากรอกประวัติขณะที่นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ที่เดิมอาจไม่มีชื่อเป็นรัฐมนตรี กลับได้รับแจ้ง เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งทันทีที่กลุ่มสามมิตรทราบเรื่องได้มีการหารือกันอย่างเคร่งเครียดถึงกรณีที่เกิดขึ้น และพยายามหาทางแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาลบรรดาผู้ที่มีรายชื่อติดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ทยอยเดินทางรับเอกสารเพื่อกรอกประวัติ โดยในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพปชร. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรครวมถึง นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยาที่คาดว่าจะมารับเอกสารแทนนายอัครา พรหมเผ่า น้องชายร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพปชร. ที่มีชื่อนั่งรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ทีมงานเดินทางไปรับเอกสารขณะที่นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมาที่มีชื่อนั่งรมช.คมนาคม ได้เดินทางเข้ารับเอกสารด้วยตนเอง
ขณะที่พรรคร่วมอาทินายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีชื่อนั่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการ(รมว.)กระทรวงสาธารณสุข นำเอกสารของตัวเองและของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาฯพรรค ที่มีชื่อนั่งรมว.คมนาคมน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาวนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่มีชื่อนั่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางเข้าดำเนินการเรื่องเอกสาร รวมถึงนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ และน.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการที่ยังมีรายชื่ออยู่ในครม.เช่นกัน"เทวัญ" เฮนั่งเก้าอี้รมช.อุตสาหกรรมขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งทีมงานมารับเอกสารแทนแล้วเช่นเดียวกัน โดยรายชื่อโผยังคงเป็นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะนั่งรองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข
นอกจากนี้ ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้ส่งทีมงานรับเอกสารทั้งในส่วนของนายวราวุธ ศิลปะอาชา ที่มีชื่อเป็นรมว.ทรัพยากรฯและนายประภัตร โพธสุธน ซึ่งมีชื่อเป็นรมช.เกษตร ด้วยเช่นเดียวกันรวมถึงในส่วนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ที่มีชื่อม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นรมว.ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เลขาธิการคณะรัฐมนตรียังได้แจ้งกำหนดให้แต่ละคนส่งเอกสารทั้งหมดกลับภายในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 28 มิ.ย.นี้
"2 ว่าที่รมต."ยันพร้อมชี้แจงศาลรธน.
ในส่วนของส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พปชร. ผู้มีรายชื่อ เป็นว่าที่รมว.แรงงาน กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ มีการเสียภาษีถูกต้อง ตอนนี้ก็เตรียมเอกสารเสียภาษี ตลอดจนงบการเงิน 5 ปี ไว้พร้อมชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
เช่นเดียวกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.ซึ่งมีชื่อเป็นรมว.ศึกษาธิการ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีปัญหาพร้อมเตรียมข้อมูล เอกสาร หลักฐานไปชี้แจง เพราะตนยืนยันแล้วว่าไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เนื่องจากธุรกิจเป็นโรงเรียนเท่านั้น
ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะทนายความต่อสู้คดีถือหุ้นสื่อ กล่าวว่า ล่าสุดพรรคมีการเรียกประชุมให้ส.ส.ทั้ง 7 คนยื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันนับจากได้รับสำเนาคำร้อง ทั้งนี้ไม่มีความหนักใจในการต่อสู้คดี เพราะไม่มีการประกอบกิจการสื่อสารมวลชน มีการเตรียมพยานหลักฐานครบ 100 % แล้วรอเพียงสำเนาคำร้องจากศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
"สุชาติ" ส่อหลุดโผ
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า บรรดาผู้ที่มีรายชื่อเป็นรัฐมนตรีในส่วนของพรรคต่างได้รับแจ้งให้ทยอยมากรอกประวัติและรับแบบฟอร์มเพื่อกรอกประวัติกับทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้วในวันเดียวกันนี้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า บางคนที่เคยมีชื่อติดโผก่อนหน้านี้ กลับไม่ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ที่ปรากฎชื่อติดโผจะนั่งรมว.แรงงาน ที่ถือเป็นแกนนำภาคกลางมีส.ส.ในกลุ่มถึง 16 คน อาทิ จ.เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี ระยอง สระบุรี ฉะเชิงเทรา และนครปฐม จึงเกิดความกังวลขึ้นว่า การดูแลพื้นที่และขยายฐานเสียงในภาคกลางต่อไปจะทำอย่างไร