สหภาพฯ กทพ. ต้องการให้ผู้บริหารทำหนังสือไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเรื่องการขยายอายุสัมปทานให้ BEM ออกจากวาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพราะเห็นว่าร่างสัญญายังไม่มีความรอบคอบ ไม่มีการลงบันทึกทางบัญชีว่าการขยายสัมปทานจะทำให้กทพ.ขาดทุนหรือไม่ รวมทั้งต้องการให้นำข้อสังเกต 6 ประเด็นของสำนักงานอัยการสูงสุดมาพิจารณาอย่างรอบคอบ
ประธานบอร์ด กทพ. สุรงค์ บูลกุล ระบุ การขยายอายุสัญญาสัมปทานทางด่วน 3 โครงการให้กับ BEM อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ก็ยังมีอีกหลายขั้นตอนในการเตรียมความพร้อมเพื่อลงนามสัญญา ยืนยันว่าบอร์ด กทพ.ได้นำข้อกังวลต่างๆของกลุ่มพนักงานและฝ่ายต่างๆมาพิจารณา โดยพร้อมชี้แจงรายละเอียดต่อทุกฝ่าย
ขณะที่รักษาการผู้ว่าการ กทพ. สุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ ระบุ กรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งข้อสังเกตใน 6 ประเด็นนั้น กทพ.จะนำมาพิจารณาอีกครั้ง ก่อนจะบรรจุในภาคผนวกแนบท้ายสัญญาต่อไป ยืนยันว่าการขยายอายุสัญญาสัมปทาน 30 ปีให้ BEM เป็นการดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ โดยในสัปดาห์หน้าจะเริ่มหารือกับสภาวิชาชีพทางบัญชี และ สตง. ถึงการลงบัญชีการขยายสัมปทานทางด่วน ซึ่งเป็นการดำเนินการควบคู่ในระหว่างที่รอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ด้าน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล ระบุ จะยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ ผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ชะลอการพิจารณาขยายอายุสัมปทานทางด่วนให้ BEM
เพราะมีมูลค่าถึง 4 แสนล้านบาท หาก กทพ.ไม่ต่ออายุสัมปทาน จะมีรายได้มากกว่า และจะเป็นการจบเรื่องค่าโง่โดยสมบูรณ์แบบ แต่ในทางกลับกัน หากขยายอายุสัมปทาน จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้นปีละ 10 บาท จึงต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาให้รอบคอบก่อนดำเนินการ
หลังจากนี้คงต้องรอดูว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอรายละเอียดการขยายอายุสัมปทานทางด่วนให้ที่ประชุมพิจารณาหรือไม่ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ซึ่งเห็นตรงกันว่าการขยายอายุสัมปทานทางด่วนให้กับ BEM ถึง 30 ปี เป็นแนวทางที่ทำให้ภาครัฐและประชาชนเสียประโยชน์
ทีมข่าวเศรษฐกิจเนชั่นทีวี รายงาน