นักวิชาการถกเดือด! วิธีไหนแก้ปมกัดเซาะชายฝั่งได้ดีที่สุด "ศ.ดร. ธนวัฒน์" ยันเสริมทรายชายหาดคุ้มค่า

จากกรณี ศ.ดร.เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ห่วงเติมทรายทุกชายหาดท่องเที่ยวไม่แก้กัดเซาะชายฝั่ง ชี้ที่ผ่านมาเสียเงินทำโครงสร้างรักษาแนวชายฝั่ง ได้แค่ประทัง ยิ่งทำให้ปัญหาขยายวงกว้าง เสนอประกาศเขตถอยร่นหยุดกิจกรรมเสี่ยง

ล่าสุด (23 มิ.ย. 62) ศ.ดร. ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ประธานสถาบันโลกร้อนศึกษาประเทศไทย จุฬาฯ ระบุว่า นักวิชาการที่เสนอให้ทำ buffer เวนคืนที่ดินริมทะเลและปล่อยให้ทะเลกัดเซาะโดยธรรมชาติ เป็นวิธีที่แก้ไขถูกต้องและแก้ที่สาเหตุ และกำลังโจมตีว่าการเสริมทรายชายหาดไม่คุ้มเป็นการผลานงบประมาณแผ่นดิน ทั้งที่โครงการเสริมทรายพัทยา ลงทุน 490 ล้าน จากการศึกษาเศรษฐศาสตร์ มีจุดคุ้มทุนภายใน2-3 ปี เท่ากับการลงทุน 1 บาทได้กลับมาอย่างน้อย 37 บาท

แต่ถ้าแนวคิดของนักวิชาการกลุ่มนี้เสนอให้กันแนว buffer ลองคำนวนเล่นๆ ก็ต้องกันแนวอย่างน้อย 200 เมตร ระยะทางตลอดหาดพัทยา 2.8 กิโลเมตร ต้องเวนคืนที่ดินอย่างน้อย 350 ไร่ ราคาที่ดินหาดพัทยาปัจจุบันราคา ไม่น้อยกว่าไร่ละ 200 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายการเวนคืนที่ดินการทำโครงการก็ตกราวๆ 70,000 ล้านบาท ที่สำคัญไม่ใช่เงินงบประมาณขนาดนี้จะเอามาจากไหนและมีความเป็นไปได้ไหม แต่ค่าการสูญเสียโอกาศด้านการท่องเที่ยว พัทยามีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 7-80,000 ล้านบาท

โครงการ buffer zone มีค่าใช้จ่ายตรงอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 140,000 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายทางอ้อมนะครับ อันนี้เป็นข้อมูลฝากให้สังคมไทยและคนเสียภาษีอย่างเราๆ ไว้คิดเป็นการบ้านในแนวทางสร้างสรรค์

"ผมลองคำนวนเปรียบเทียบต่อ หากนำเงินงบประมาณที่ต้องเวนคืนที่ดินจากแนวคิด buffer zone ของนักวิชาการกลุ่มนี้ ที่หาดพัทยาจำนวนเงินประมาณ 70,000 ล้าน แต่ทางทฤษฎีการเสริมทรายครั้งแรกใช้เงิน 490 ล้านบาทในการเสริมหากครั้งแรกและการเสริมครั้งต่อไปเราใช้เพียง 145 ล้านบาท นั้นหมายถึงเราสามารถทำหาดได้ถึง 479 +1 ครั้ง หรือสามารถรักษาหาดได้ถึง 4800ปี"

.

.

.