รัฐมนตรีต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ในที่ประชุมวันนี้ ประเทศไทยได้เสนอวาระให้อาเซียนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกร่วมกันในปี 2034 หรืออีก 15 ปีข้างหน้า เนื่องจากโควต้าของประเทศเอเชียต้องรอ 12 ปี ถัดจากฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์ในปี 2022
รัฐมนตรีดอนกล่าวด้วยว่า จะต้องนำเรื่องนี้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมระดับผู้นำอาเซียนได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ ซึ่งถ้าที่ประชุมให้การอนุมัติก็จะนำไปสู่กระบวนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกต่อไป
อันที่จริงประเด็นการเสนอให้อาเซียนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกนั้น เคยถูกหยิบยกมาหารือก่อนหน้านี้แล้วหลายครั้ง อย่างน้อยก็ตั้งแต่ 8 ปีก่อนโดยสิงคโปร์ ตามมาด้วยมาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเทศไทย และเวียดนาม
ส่วนประเด็นสำคัญอื่นๆ ก็ได้แก่ วิกฤตในรัฐยะไข่ของเมียนมา ซึ่งที่ประชุมอาเซียนมักเลี่ยงที่จะพูดถึงคำว่าโรฮิงญาเนื่องจากเมียนมาไม่ให้การยอมรับ ในเรื่องนี้นายดอนกล่าวว่า การส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับรัฐยะไข่ต้องเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด แต่ต้องขึ้นอยู่กับเมียนมาและบังกลาเทศ ว่าจะกำหนดแผนปฏิบัติงานและเงื่อนเวลาอย่างไร แต่สิ่งสำคัญก็คือ ผู้ลี้ภัยที่ถูกส่งกลับต้องมีความปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความเป็นพลเมือง
ส่วนประเด็นที่สามก็คือ การกำหนดแนวนโยบายอินโดแปซิฟิกของอาเซียน คำว่าอินโดแปซิฟิกนี้ หมายถึงการมองทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและมหาสมุทรอืนเดียพร้อมกัน
แนวคิดนี้มีหลายประเทศที่นำไปใช่ เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น ดังนั้น การที่อาเซียนมีแนวนโยบายอินโดแปซิฟิกเป็นของตัวเอง ก็จะช่วยส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ในการเชื่อมโยงภูมิภาคอื่นๆ เข้าด้วยกันได้ นับเป็นโมเดลใหม่ของความร่วมมือในระดับภูมิภาค
หลังเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว หลังจากนี้เหล่าผู้นำอาเซียนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำภายใต้แนวคิด มาลัย ไนท์ เพื่อสื่อถึงพวงมาลัย สัญลักษณ์แห่งรอยยิ้ม ไมตรีจิต และมิตรภาพของคนไทย ที่พร้อมต้อนรับประชาชนจากอาเซียนทุกคน