.
ทั้งนี้คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นคดีที่ประชาชนและสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจกลางเมืองหน้าจวนผู้ว่าฯกาฬสินธุ์
โดยกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายจำนวน 5 คน ใช้รถกระบะและรถเก๋งขับปาดหน้ารถยนต์ของ น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือ โอปอ อายุ 26 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2561 เวลาประมาณ 22.00 น.บริเวณถนนหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ด้วยพฤติกรรมที่โหดร้ายแล้วนำตัวไปกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่จำนวน 350,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ สามารถติดตามแกะรอยจนสามารถตามตัว น.ส.โอปอ กลับคืนมาได้อย่างปลอดภัย
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ค.61 ตำรวจจับกุมตัวนายมานะศักดิ์ อุดมพันธ์ หรือเปรี้ยว อายุ 23 ปี,นายสุรศักดิ์ จันทร์เพ็ง หรือแป๋ม อายุ 20 ปี และนายธนารัตน์ ภูโชคชัย หรือโชค อายุ 23 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็น 3 ใน 5 ของคนร้ายที่ก่อเหตุ และยึดรถยนต์เชฟโรเล็ต สีเทา ชร 5187 กรุงเทพมหานคร และรถกระบะอีซูซุ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุและรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีเทา ทะเบียน กฉ 8994 กาฬสินธุ์ เป็นรถของ น.ส.โอปอ มาตรวจสอบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.61 นายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี และ นายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปีสองผู้ต้องหาที่เหลือแก๊งอุ้มรีดค่าไถ่ ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ และได้เข้าไปพบนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ โดยมี พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรันท์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ (ในขณะนั้น) เข้ารับตัว
เบื้องต้นให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นการทวงหนี้เงินที่ น.ส.โอปอ ยืมไป ขณะเดียวกัน ตำรวจชุดสืบสวนท้องที่ สภ.เมืองมหาสารคาม เข้าค้นห้องเช่าแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคามของ น.ส.โอปอ ตรวจสอบพบยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ด จนนำไปสู่การออกหมายจับ และทำให้ น.ส.โอปอ จากผู้เสียหายในคดีเรียกค่าไถ่ ได้ตกเป็นผู้ต้องหาคดียาบ้าตามหมายศาลจังหวัดมหาสารคาม
จนเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 61 ที่ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ หน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ น.ส.โอปอ ได้มานั่งรอ เพื่อขอมอบตัวกับผู้ว่าราชการจังหวัด และร้องขอความเป็นธรรม ต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ หลังตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้า พร้อมนำสมุดบันทึก 1 เล่มมาขู่เปิดโปงและแฉว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ และชุดปส.ภาค 4 เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
เย็นวันเดียวกันชุดสืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์ และชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้คุมตัว น.ส.โอปอ ไปยัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ แต่ปรากฏว่าระหว่างที่เตรียมนำตัวส่งไปยังสภ.เมืองมหาสารคาม ภายใน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ น.ส.โอปอได้หลบหนีจากการควบคุมตัวของ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ แล้วหายตัวลึกลับอย่างไร้ร่องรอยไปนานกว่า 8 เดือน
กระทั่งเมื่อช่วงคืนของวันที่ 13 มี.ค. 62 ตำรวจสภ.เมืองกาฬสินธุ์ สามารถจับกุมตัว น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือโอปอ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 ม.4 ต.นาเชือก อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ จ.251/2561 ลง 20 ก.ค.2561 ข้อหาหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา และหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคามที่ จ.164/2561 ลง 21 ส.ค.2561 ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 69 ม.4 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ขณะที่ผู้ต้องหากลับมาที่บ้าน
ล่าสุด น.ส.โอปอ ถูกศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งจำคุก 6 เดือน ในข้อหาหลบหนีการจับกุมของตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ขณะที่ ลูกน้องไอ้บิว เครือข่ายปั้นน้ำเป็นเงิน มีรายงานว่า 1 คนรับสารภาพ ศาลสั่งจำคุก 5 ปี ส่วนอีก 4 คน หลุดคดีลอยนวลอย่างน่าตกใจ จนนำไปสู่การพบกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดในขณะเข้าจับกุมตัวนายบิว ที่ตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้เกิดความความสงสัย และหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดทั้ง 4 คนจึงหลุดคดี ทั้งที่มีหลักฐานภาพวงจรปิดอย่างชัดเจน และต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสำนวนการสอบสวน
ด้าน พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่ผู้ต้องหาที่เหลือ 4 คน ไม่ถูกดำเนินคดี แต่ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้ของ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้ทำการสอบสวนตามพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ ตามพยานหลักฐาน และส่งไปยัง พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่ปี 2561แล้ว ซึ่งก็ทันในกำหนดการฝากขังของศาล แต่ก็ไม่รู้ว่าปล่อยให้ผู้ต้องหาหลุดคดีไปได้อย่างไร แต่ก็จะทำการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดต่อไป...