svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ปั้นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรกในไทย

12 มิถุนายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ประกาศความพร้อมก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรกในไทยและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รุกปั้นยูนิคอร์นช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด "One Roof, All Possibilities - ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้" เผยโฉม Work Space พื้นที่ทำงานและสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล ที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านดิจิทัลรุ่นใหม่ ตอบโจทย์วิถีการทำงานของคนยุคดิจิทัล ท่ามกลางสตาร์ทอัพและเทคคอมมูนิตี้ พร้อมด้วยเหล่าพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐ บริษัท และองค์กรชั้นนำระดับโลก อาทิ NIA, DEPA, ETDA, ACE Singapore, KMITL, Google, AWS, Huawei, Ricoh, UOB, Wongnai, MuSpace, Thailand e-Center (TeC), CP Innovation และ True Digital Academy เป็นต้น ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุม เวิร์คช้อป ทาวน์ฮอลล์ อีเว้นต์ และกิจกรรมไลฟ์สไตล์เสริมชีวิตการทำงานให้มีสีสันทุกๆวัน เปิดให้สัมผัสบรรยากาศการทำงานที่ให้ได้มากกว่าที่ทำงานแบบเดิมๆ แล้ววันนี้

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์คฐนสรณ์ ใจดีกล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์คมีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านดิจิทัลภายใต้แนวคิด "OneRoof, All Possibilities - ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้" ล่าสุดเผยโฉม WorkSpaceพื้นที่ทำงานและสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล ในบรรยากาศที่เปิดโล่งและเชื่อมต่อถึงกันในแต่ละชั้นเอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างแท้จริง พร้อมเสริมจุดแข็งและเติมเต็มทุกความต้องการของสตาร์ทอัพรวมทั้งการสนับสนุนและบ่มเพาะจากพาร์ทเนอร์ในทุกมิติ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจการแบ่งปันและหลอมรวมองค์ความรู้จากสถาบันการศึกษาและศูนย์วิจัยต่างๆก้าวล้ำกับเทคโนโลยีจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกพร้อมด้วยบริการต่างๆจากหน่วยงานภาครัฐ และโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนติดปีกให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน



ทั้งนี้ GlobalInnovation Index : GII ซึ่งจัดทำโดย Cornell SC JohnsonCollege of Business และ INSEAD WIPO ได้เปิดเผยผลการประเมินผลดัชนีนวัตกรรมโลกว่า ประเทศไทยมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งใหม่ของภูมิภาคซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 44 ในปี 2561 มีอันดับที่ดีขึ้น7 อันดับ โดยมีความโดดเด่นเป็นพิเศษด้านความก้าวหน้าของตลาด(Market Sophistication) ผลลัพธ์จากองค์ความรู้และเทคโนโลยี(Knowledge and technology outputs)และอัตราส่วนประสิทธิภาพด้านนวัตกรรม (Innovation Efficiency Ratio) อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศในกลุ่มนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ(InnovationAchievers) อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังมีสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียมาเลเซีย และเวียดนาม ดังนั้น ทรู ดิจิทัลพาร์ค จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านดิจิทัลเพื่อร่วมสนับสนุนและเสริมศักยภาพของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง



ทรูดิจิทัล พาร์ค ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 101สถานีบีทีเอสปุณณวิถีพร้อมเปิดให้บริการครบทุกพื้นที่ในเฟสแรก แล้ววันนี้โดยแบ่งพื้นที่ให้บริการ 3 ส่วนหลัก คือ Work Space ขนาด 77,000 ตร.ม. Lifestyle Space ขนาด 30,000 ตร.ม. และ LivingSpace ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย โดย Work Space ของทรู ดิจิทัลพาร์ค จะเป็นศูนย์รวมและสตาร์ทอัพคอมมูนิตี้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ภายใต้แนวคิด OpenInnovation เพื่อส่งเสริมสตาร์ทอัพให้เติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จถึงระดับที่จะเป็นยูนิคอร์น



นายฐนสรณ์ กล่าวและเสริมว่า "สถิตของผู้เข้าทำงานที่ WorkSpace สะท้อนถึงความเป็นระบบนิเวศสมบรูณ์แบบเพื่อสตาร์ทอัพอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันมีกลุ่มผู้ใช้งานจากหลากหลายประเภทธุรกิจได้แก่ ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์, โซเชียลแพลตฟอร์ม, EnterprisePlatform, อี-คอมเมิร์ซ, หุ่นยนต์ รวมถึงธุรกิจเทคต่างๆ อาทิ ฟินเทค,ทราเวลเทค, มาร์เก็ตติ้งเทค, พร็อพเทค(PropTech) และ AgriTech เป็นต้น สำหรับสถิติด้านประชากรเป็นชายร้อยละ57 และหญิงร้อยละ 43 โดยสาขาการทำงานของผู้ที่อยู่ใน True Digital Park ส่วนใหญ่จะเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งมีมากกว่า 60% ของคนทั้งหมด แบ่งตามสาขาการทำงานได้ดังนี้ กลุ่มวิศวกร ไอที เทคโนโลยี และนวัตกรรมร้อยละ 40, งานสนับสนุนทางเทคนิค ร้อยละ 15, ด้านการตลาดดิจิทัล ร้อยละ 6, ด้านบริหารและพัฒนาธุรกิจร้อยละ 25 และงานสนับสนุนด้านอื่นๆ เช่น บัญชี, บุคคล ร้อยละ14


WorkSpace ประกอบด้วยพื้นที่ 4 โซน ดังนี้1.Co-WorkingSpace พื้นที่นั่งทำงาน มีบริการแพนทรี และโซนพักผ่อน2.OfficeSpace พื้นที่สำนักงานที่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ใช้เป็นห้องประชุม และจัดกิจกรรม ออกแบบเปิดโล่ง มีบันไดเชื่อมต่อกันทุกชั้นเอื้อต่อการพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างคอมมูนิตี้ร่วมกัน3. InnovationSpace แหล่งรวมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ศูนย์ทดลองนวัตกรรมและการเรียนรู้จากหน่วยงานภาครัฐ บริษัทต่างๆ และองค์กรชั้นนำระดับโลก อาทิ NIA,DEPA, ETDA, ACE Singapore, KMITL, Google, AWS, Huawei, Ricoh, UOB, Wongnai,MuSpace, Thailand e-Center (TeC), CP Innovation และ True Digital Academy เป็นต้น4.Eventand Business Services Space พื้นที่สำหรับจัดประชุม สัมมนาศูนย์บริการทางธุรกิจ ศูนย์บริการครบวงจรจากภาครัฐ

WorkSpace ของทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้ได้มากกว่าที่นั่งทำงานแบบเดิมๆ โดยสมาชิกทรูดิจิทัล พาร์ค จะมีที่นั่งทำงานสไตล์ Open Space เลือกได้มากกว่า400 ที่นั่ง ทุกที่เชื่อมต่อสู่โลกดิจิทัลได้ผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 1 Gbps และเครือข่าย WiFi ที่ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกห้องประชุมพร้อมอุปกรณ์ ฟรีกาแฟ เครื่องดื่ม และบริการแพนทรี (Pantry) ส่วนกลาง นอกจากนี้ ยังมีบริการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นVC Clinics และเพิ่มโอกาสการลงทุนให้แก่สตาร์ทอัพ, บริการให้คำปรึกษาและสนับสนุนการขอสมาร์ทวีซ่าสำหรับสตาร์ทอัพและชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย,บริการที่ปรึกษาธุรกิจ กฎหมาย บริการสนับสนุนอื่นๆ และสิทธิพิเศษด้านภาษี รวมทั้งยังมีการเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้เพื่อสร้าง Tech Talent ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดบุคลากรด้านดิจิทัลเป็นต้น


นอกจากจะนั่งทำงานในพื้นที่ Work Space แล้ว สมาชิกทรู ดิจิทัล พาร์คยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันแบบ Cashless Society สุดล้ำได้ที่ Lifestyle Space ไลฟ์สไตล์คอมเพล็กซ์ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานพื้นที่ค้าปลีกเข้ากับธรรมชาติและเทคโนโลยีมีโซนที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่จัดสรรเวลาในการทำงานและใช้ชีวิตด้วยตัวเองอย่างอิสระ เชื่อมต่อทุกกิจกรรมของชีวิตเพื่อการใช้ชีวิตประจำวันและการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับคนเมือง


"ทรูดิจิทัล พาร์ค มั่นใจว่า ระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาค จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีให้ก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์นที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในเวทีโลกเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลระดับภูมิภาคได้ในที่สุด"นายฐนสรณ์ กล่าวสรุป

logoline