สหภาพฯ กทพ.'แตก' ปมขยายสัมปทาน BEM
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ สร.กทพ. ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2562 โดยมีวาระเร่งด่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งประธาน สหภาพฯ ชาญชัย โพธิ์ทองคำ โดยการประชุมใช้ระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ในการอภิปรายของกลุ่มสมาชิกสร.กทพ.
เรื่องดังกล่าวมีสาเหตุจากการที่บอร์ด กทพ. มีมติขยายอายุสัมปทานทางด่วน 3 โครงการให้ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM โครงการละ 30 ปี เพื่อแลกกับการจ่ายค่าชดเชยและยุติ 17 คดีพิพาท
บรรยากาศในการประชุมสหภาพฯเป็นไปอย่างดุเดือด มีการโต้ไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย คือ สมาชิกที่ต้องการขอเปลี่ยนตัวประธาน โดยให้เหตุผลว่าประธานสร.กทพ.ไม่ได้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมใหญ่ที่ให้มีการยื่นหนังสือให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อท้วงติงกรณีที่กทพ.จะขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนให้คู่สัญญา และมีท่าทีในการสัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องเห็นด้วยกับบอร์ดกทพ.ที่มีมติให้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน โดยยังไม่มีประเด็นชัดเจนทั้งเรื่องการลงบัญชีตามมาตรฐานบัญชี
ขณะที่ ทางประธานสร.กทพ.ได้ชี้แจงว่า สาเหตุที่ยังไม่ได้ยื่นหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เนื่องจากกรณีดังกล่าวไม่ได้มีการชี้มูลเกิดขึ้น จึงยังไม่สามารถยื่นหนังสือได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สมาชิกสร.กทพ.ได้กดดันอย่างมาก ทำให้ ประธานสร.กทพ. ประกาศลาออก และที่ประชุมใหญ่สร.กทพ. ได้ลงมติเปลี่ยนตัวประธานสร.กทพ. โดยกรรมการในสร.กทพ.จะมีการประชุมเพื่อคัดเลือกประธานสร.กทพ.คนใหม่ เพื่อทำหน้าที่ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมสร.กทพ.ยังมติสนับสนุนไปร่วมให้กำลังใจและยื่นหนังสือรัฐสภาให้กับพรรคพลังธรรมใหม่ ในวันที่มีการเปิดอภิปรายเรื่องการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วน 30 ปี และยื่นหนังสือต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ปปช. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สภาวิชาชีพทางบัญชี เพื่อสอบถามถึงความชัดเจนของการลงบัญชี
ขณะเดียวกัน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ได้ทำหนังสือถึงรักษาการผู้ว่าการ กทพ. เพื่อขอคำชี้แจงกรณีที่กทพ.จะขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนให้กับ BEM เพื่อประกอบการสอบทานงบการเงินสำหรับงวด 3 เดือน และ 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2562 ของกทพ.
โดย สตง.ต้องการรู้ว่า กทพ.ได้ศึกษาหรือวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการขยายสัญญาสัมปทาน เพื่อใช้ประกอบการเจรจาต่อรองแล้วหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามมติครม.ที่ให้มีการดำเนินการอย่างโปร่งใส ชอบด้วยกฎหมาย และคำนึงหรือวิเคราะห์ความคุ้มค่าดังกล่าวแล้ว ดังนั้นสตง.ของทราบรายละเอียดได้แก่ ผลการศึกษาหรือวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการขยายสัมปทาน และข้อตกลงในการเจรจายุติข้อพิพาท พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาเงื่อนไขของสัญญา
หากมีมติจากครม.ให้ดำเนินการขยายระยะเวลาของสัญญาเดิมเพื่อยุติข้อพิพาท กทพ.มีแนวทางในการบันทึกบัญชีรับรู้รายการในกรณีนี้อย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการเงิน โดยให้กทพ.ส่งคำชี้แจงดังกล่าวถึงสตง.ภายในวันที่ 14 มิ.ย. 2562
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ระบุ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันจะพิจารณาเรื่องการขยายอายุสัมปทานทางด่วนให้ BEM ทันหรือไม่ เพราะต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน โดยคณะกรรมการกำกับสัญญา ต้องส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา หลังจากนั้นถึงจะเสนอกลับมายังบอร์ดกทพ. หลังจากนั้นถึงจะเสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าการขยายสัมปทานให้ BEM เพื่อแลกค่าโง่ 4.3 พันล้านบาท และการยุติ 17 คดีพิพาทถือว่าไม่คุ้มค่านั้น เป็นเรื่องที่ตอบแทนไม่ได้เช่นกัน ต้องรอให้คณะกรรมการกำกับสัญญาเสนอเรื่องมาก่อน