ล่าสุด วันที่ 10 มิ.ย. นพ.ศักดิ์ชัยกาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชี้แจงว่าการพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ด้านยาแก่ผู้ที่อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้นจะดำเนินการได้หากยาชนิดนั้นถูกบรรจุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ดังนั้นกรณีของน้ำมันกัญชา หากมีการบรรจุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติผู้ป่วยที่อยู่ในสิทธิรักษาพยาบาลก็จะสามารถได้รับสิทธิประโยชน์นี้
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การจะพิจารณาเสนอยาสมุนไพรหรือตำรับยาไทยชนิดใดเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากมีขั้นตอนดำเนินการหลายส่วนที่สำคัญจะต้องมีผลการศึกษาวิจัยที่มีน้ำหนักเพียงพอและมีการเก็บกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยที่ใช้ยาชนิดนั้นมากกว่า 2,000-3,000 รายขึ้นไปโดยจะต้องเป็นการดำเนินการในคนไทย เพราะยานั้นจะต้องมาใช้กับคนไทย
นอกจากนั้น จะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานการผลิตอย่างละเอียดรอบคอบ จากนั้นก็จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ และคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ยกตัวอย่าง ยาแผนไทย 50 ตำรับที่มีการนำเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติเมื่อ 6-7 ปีก่อน ก็เป็นเพราะมีความเชื่อตามภูมิปัญญาดั้งเดิมของประเทศ และ รพ.รัฐมีการผลิตและใช้ยาตำรับนั้นมาเกิน 10 ปี จึงเชื่อว่ายาน่าจะเกิดประโยชน์ รพ.นั้นจึงมีการผลิตและใช้มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่บางรายการก็ยังบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ แบบระบุว่าเป็นตำรับยาที่ผลิตใช้ใน รพ.แห่งนั้น
นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผอ.สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ตัวแทนจากคณะเภสัชฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตัวแทนแพทย์แผนไทย ได้หารือร่วมกับตัวแทนของนายเดชา ศิริภัทร หมอพื้นบ้าน เกี่ยวกับตำรับน้ำมันกัญชาที่จะนำเข้าสู่การพิจารณารับรองเป็นตำรับยาปรุงเฉพาะราย ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม โดยเป็นการหารือนอกรอบก่อน แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาตัดสิน การตัดสินว่าตำรับของนายเดชาจะเข้าเกณฑ์หรือไม่ จะมีการพิจารณาในช่วงบ่ายของวันที่ 12 มิ.ย.2562