ชาวอมก๋อยต้านเหมืองถ่านหิน เตรียมจัดเวทีฟังความคิดเห็น

จากกรณีที่มีบริษัทเอกชน ได้ยื่นขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ถ่านหินจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตั้งแต่เมื่อปี 2543 เนื้อที่ประมาณ 284 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 12 บ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา ได้ปิดประกาศการขอประทานบัตรเหมืองแร่ บริเวณที่ว่าการอำเภออมก๋อย ทำให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบข้อมูล โดยต่างกังวลว่าจะเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพ
นางสาวขวัญหทัย โล่ติวิกุล ผู้ประสานงานเครือข่ายยุติเหมืองแร่อมก๋อย เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบเรื่องได้มีการพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อรวมตัวกันยื่นหนังสือคัดค้านการทำเหมืองแร่ถ่านหิน ถึงนายอำเภอ เมื่อวันที่ 22 และ 24 พ.ค. 2562 เพราะกังวลว่าจะเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ โดยเฉพาะ 1,514 ครัวเรือนในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการทำเหมืองถ่านหิน
ในพื้นที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 6,115 คน รวมทั้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภออมก๋อยอีกกว่า 56,582 คน ต่างไม่เห็นด้วยกับการทำเหมืองแร่ในพื้นที่อำเภออมก๋อย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเกรงว่าจะเกิดผลกระทบตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะนี้เครือข่ายยุติเหมืองแร่อมก๋อย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการทำเหมืองแร่ถ่านหิน ต่ออำเภอ และศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์ดำรงธรรมได้มีหนังสือแจ้งให้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่และ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อ
นอกจากนั้นทางอำเภออมก๋อย ยังได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง กำนันตำบลอมก๋อย และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4,6,11,12 และ 20 ในตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหากมีผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ หรือเกี่ยวข้องอยู่ในบริเวณดำเนินโครงการเหมืองแร่ถ่านหิน ให้ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานไปยื่นต่อกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานระหว่างอำเภออมก๋อย กลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่
คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า จะมีการพูดคุยกลุ่มย่อยกับทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อแจ้งข้อมูลเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการจัดรับฟังความคิดเห็นของชุมชนที่ได้รับผลกระทบต่อไป ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มชาวบ้านในอำเภออมก๋อยมากกว่า 2,000 คน ที่ทราบเรื่องของคัดค้านการทำเหมืองแร่ถ่านหินในพื้นที่ โดยคาดว่ากลุ่มคัดค้านจะมีเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน