svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

"บุณยสิทธิ์" จี้เร่งตั้งรัฐบาล ฟื้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

05 มิถุนายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"บุณยสิทธิ์" เผยครึ่งปีแรก สหพัฒน์แตะเบรกลงทุน เหตุตั้งรัฐบาลไม่ได้ ฉุดเชื่อมั่น-กำลังซื้อ จี้เร่งตั้งรัฐบาล ดันศก.เดินหน้า พลิกเกมรุกธุรกิจบริการ เตรียมลงนามพันธมิตรญี่ปุ่น ดึงลงทุนสวนอุตฯในเครือ พร้อมเปิดตัวร้านค้าอัจฉริยะไร้พนง.ในงานสหกรุ๊ปแฟร์

เป็นประจำทุกปี ในการแถลงข่าวการจัดงาน "สหกรุ๊ปแฟร์" ผู้บริหารเครือสหพัฒน์ ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภครายใหญ่ของไทย ยอดขายเฉียดปีละ 3 แสนล้านบาท จะออกมาบอกเล่าถึง สถานการณ์เศรษฐกิจ ปัจจัยที่กระทบต่อการค้าและการลงทุน 
ปีนี้ก็เช่นกัน  เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ นำทีมผู้บริหาร แถลงข่าวการจัดงาน "สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 23" โดยระบุว่า ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดีทั่วโลก ทำให้ธุรกิจค่อนข้างทรงตัว โดยคาดหวังว่าการจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ หลังจากที่ผ่านมากำลังซื้อค่อนข้างซบเซา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การเมืองในไทย ที่ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ทันทีหลังจากที่เลือกตั้งแล้วเสร็จในช่วงเดือนมี.ค. ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน นักธุรกิจลดลง ทั้งๆที่น่าจะดีขึ้น
ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกเครือสหพัฒน์ชะลอการลงทุน จากปกติที่ต้องลงทุนไปแล้ว ทำให้เม็ดเงินลงทุนปีนี้ลดลง 2-3 เท่าตัว ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ กว่า 2 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจซบเซา เพราะรัฐบาลตั้งไม่ได้ หากสามารถตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น หวังว่าปลายเดือนนี้ จะสามารถตั้งรัฐบาลได้ เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น ส่วนนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลต้องช่วยรากหญ้าให้มีกำลังซื้อ ขณะนี้ไม่มีใครขึ้นราคาสินค้าเพราะอยากขายสินค้าให้ได้มากกว่า
"ขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ค่อยดี การทำธุรกิจเปรียบเหมือนการขับรถ ตอนนี้ต้องแตะเบรกอย่างเดียวก่อน ยังไม่สามารถเหยียบคันเร่งได้ เพราะการทำธุรกิจมีตัวแปรมาก ทั้งภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาการเมือง และเศรษฐกิจโลกด้วย"
อย่างไรก็ตาม สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ควรดำเนินการ คือ การออกนโยบายหรือมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการจับจ่ายสินค้าโดยเร็ว รวมทั้งดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนในอยู่ในระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ขึ้นไป เพราะที่ผ่านมาการจัดตั้งรัฐบาลมีการยืดเยื้อ หากยังยืดเยื้อต่อไปอีกอาจทำให้ไทยสูญเสียโอกาส นักลงทุนใหม่ๆที่กำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยเปลี่ยนใจย้ายไปตั้งฐานการผลิตไปในเวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา แทน 
ประธานเครือสหพัฒน์ ยังมองว่า นอกจากความแปรปรวนของภาวะเศรษฐกิจและการเมือกระทบภาพรวมการดำเนินธุรกิจแล้ว ปัจจุบันผู้ประกอบการยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เป็นผลจากรูปแบบการขายที่หลากหลาย โดยในอดีตเครือสหพัฒน์มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเป็นหลัก แต่นับจากนี้ ทิศทางการทำธุรกิจจะต้องครบวงจรจากทั้งผลิตสินค้า และบริการ เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจบริการที่โอกาสที่ขยายตัวอีกมาก
"ในช่วงครึ่งปีหลังจะลงทุนต่อเนื่อง โดยจะหันมาเน้นและขยายการลงทุนในภาคบริการมากขึ้น เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก จากเดิมเน้นการลงทุนด้านผลิตสินค้าเป็นหลักซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง โดยที่ผ่านมาฐานผลิตของเครือสหพัฒน์ก็มีมากมายและแข็งแกร่งแล้ว โดยสัดส่วนธุรกิจจากการบริการยังมีไม่ถึง 10%" นายบุณยสิทธิ์ กล่าว
โดยเครือสหพัฒน์มีการลงทุนโครงการใหม่ ซึ่งจะลงนามในงานสหกรุ๊ป แฟร์ ที่จะถึงนี้ อาทิ จับมือร่วมกับ โซจิทสึ (Sojitz) พันธมิตรจากญี่ปุ่น ให้เป็นตัวกลางผู้ชวนนักลงทุนญี่ปุ่น จากที่มีฐานการผลิตอยู่ในเวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาเข้ามาลงทุน ในสวนอุตสาหกรรมแม่สอด กบินทร์บุรี และลำพูน ของเครือสหพัฒน์
นอกจากนี้ จะร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น กลุ่มโตคิว ดีพาร์ทเม้นสโตร์ เพื่อสร้างโรงแรมระดับ4-5ดาว จำนวน 100 ห้อง กับคอนโดมิเนียม จำนวน200 ห้อง ด้วยเงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมศรีราชา รองรับการเติบโตของโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  
ขณะเดียวกัน ได้ร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งด้านการศึกษา เพื่อรับไลเซนส์ โรงเรียนนานาชาติ คิงส์ คอลเลจ จากอังกฤษเข้ามาเปิดในไทย บนถนนพระรามสาม โดยใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดให้บริการปีหน้า เพื่อรองรับตลาดการศึกษาที่กำลังขยายตัวในอนาคต
นอกจากนี้ ยังได้รับไลเซ่นส์ทำตลาดคาแรคเตอร์คุมะมง หรือหมีแก้มแดงจากบริษัท เอดีเค อีโมชั่น ประเทศญี่ปุ่น มาใช้กับบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) พร้อมเปิดตัว ร้านค้าอัจฉริยะแบบไม่มีพนักงาน ในชื่อ ฮิส แอนด์ เฮอร์ สมาร์ทชอป ที่ร่วมกับทรูคอร์ปอเรชั่น ในงานสหกรุ๊ปฯ โดยร้านดังกล่าวพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีเอไอ รองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในอนาคตที่จะมีการซื้อขายสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน รวมทั้งการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต
นายบุณยสิทธิ์ ยังมองว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะยังคงทรงตัว ส่งผลให้รายได้เครือสหพัฒน์โตเล็กน้อย 2.5-3% จากเดิมที่เคยตั้งเป้าว่าจะ โต 5-6% ยอดขายแตะ 3 แสนล้านบาท 
โดยงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 23 จะจัดขึ้นใน ระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย.นี้ ที่ไบเทค บางนา ในคอนเซ็ปต์ "ว้าวถูกใจทุก Gen" ด้วยการนำสินค้าและ บริการ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกเจนเนอเรชั่น มาจัดแสดงและจำหน่ายมากมาย รวมกว่า1,000 คูหา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง อุปกรณ์กีฬา สินค้าแม่และเด็ก อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าสถาบันการศึกษา การขนส่ง อสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ พร้อมบริการส่งสินค้าถึงบ้านฟรี พร้อมทั้งรับสมัครงานของบริษัทในเครือสหพัฒน์ 100 ตำแหน่ง กว่า 1,500 อัตรา
นอกจากนี้ เครือสหพัฒน์ยังได้สานต่อความร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก โดยเชิญร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกว่า 30,000 ร้านทั่วประเทศ มาชมร้านค้าตัวอย่าง เพื่อศึกษาการบริหารจัดการร้าน การจัดสินค้า การซื้อขายจริง และจะมีการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจำนวน 300 คน ในหัวข้อการบริหารอย่างมืออาชีพ
พร้อมกับร่วมสนับสนุนด้วยการมอบคูปองส่วนลด ให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มาร่วมงานเพื่อซื้อชุดสินค้าราคาพิเศษจาก 4,000 บาท เหลือเพียง 2,000 บาท พร้อมบริการจัดส่งสินค้าถึงร้าน รวมทั้งการร่วมมือกับกรมการค้าภายในนำสินค้าโอทอป 5 ดาว จากผู้ประกอบการ 4 ภาคของประเทศไทย มาจำหน่ายในโซนของดี4 ภาค ด้วย 

logoline