ส.ส.-ส.ว.นั่งคละกัน รอขานชื่อโหวตนายกฯ

แน่นอนแล้วว่าในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ จะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี โดยบุคคลที่จะได้รับการเสนอให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบนั้น จะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่ได้ยื่นไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และจะต้องมาจากพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ไม่น้อยกว่าร้อยละ5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด คือ 25 คน และการเสนอชื่อบุคคลเพื่อให้รัฐสภาเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ หรือ 50 คน
ทั้งนี้ การลงมติเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น มาตรา 159 วรรคสุดท้ายได้กำหนดไว้ว่า จะต้องเป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย ซึ่งขั้นตอนการลงมติจะมีการนำรายชื่อสมาชิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา มารวมกัน โดยเรียงตามลำดับตัวอักษร ไม่แบ่งแยกเป็น ส.ส. และ ส.ว. จากนั้นจะเป็นการเรียกชื่อสมาชิกทีละคนตามลำดับตัวอักษร แล้วให้สมาชิกลงมติโดยการขานชื่อบุคคลที่จะให้ความเห็นชอบ หรือถ้าประสงค์จะงดออกเสียง ก็ให้ขานว่างดออกเสียง ซึ่งบุคคลที่จะได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยการเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ได้มีการกำหนดไว้ว่าในช่วง5ปีแรก ให้ ส.ว.มีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ทำให้มีจำนวนสภาชิกทั้งหมดเท่ากับ 500+250 = 750 คน ดังนั้นบุคคลที่จะได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องมีคะแนนมากกว่า 375 คะแนน
สำหรับพรรคการเมืองที่มีสิทธิเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีมีทั้งหมด 5 พรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย
โดยเบื้องต้น คาดว่าการเสนอชื่อบุคคลเพื่อให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีเพียง 2 รายชื่อ คือ จากฝั่งพรรคพลังประชารัฐ คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และฝั่งพรรคเพื่อไทย ที่ยังต้องรอมติร่วมของทั้ง7พรรคอีกครั้งแต่เบื้องต้นมีรายงานว่าจะเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่า นายธนาธรจะขาดคุณสมบัติ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีที่ศาลได้รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ให้วินิฉัจคุณสมบัติของ นายธนาธรไว้ จากกรณีการถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน