โจรในคราบแท็กซี่ จนมุม ตร.บางเสาธง สะกดรอยตามรวบ

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 28 พ.ค. มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ได้รับรายงานผลการจับกุมคดีที่น่าสนใจ จาก พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 ว่า พ.ต.อ.ศุภกิจ ต่อบุญ ผกก.สน.บางเสาธง พ.ต.อ.ฐิรวิทย์ บุษบัน ผกก.4 บก.สส.บช.น.และ พ.ต.ท.ธงชัย แก้วทา สว.สส.สน.บางเสาธง พร้อมกำลังตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.บางเสาธง และตำรวจ กก.4 บก.สส.บช.น. จับกุมตัวนายก่อพงศ์ หรือต่อ ศันสนียะสกุล อายุ 42 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชันที่ จ.25/2562 ลงวันที่ 15 ม.ค.62 ในข้อหา "ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป" พร้อมของกลาง รถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีแดง หมายเลขทะเบียน ทท 8983 กรุงเทพมหานคร โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนกำแพงเพชร 5 หลัง รพ.รามา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ม.ค.เวลาประมาณ 16.00 น.ที่ผ่านมา มีนางเอ (นามสมมุติ) วัยกลางคน ถูกคนร้ายเป็นชายอาชีพขับขี่แท็กซี่ รับจากบ้านพักของญาติ ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านจรัญสนิทวงศ์ ระหว่างทางมีการพูดคุยกัน ก่อนตกลงให้โชเฟอร์แท็กซี่รายนี้ พาไปบีบนวดในโรงแรมดังกล่าว หลังจากนั้นให้ไปส่งที่บ้านญาติ โดยขณะขับรถแล่นมาถึงบริเวณถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 มุ่งหน้าแยกไฟฉาย แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ผู้เสียหายให้โชเฟอร์แท็กซี่จอดรถเพื่อขอลงจากรถ จู่ๆคนขับรถได้ชักอาวุธมีดโกนหนวดแบบคม 2 ด้าน ออกมา พร้อมกล่าวว่า"พี่ ผมจะปล้นพี่แล้วนะ" และให้ผู้เสียหายถอดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ที่สวมไว้ออก แต่เจ้าตัวไม่ยินยอม โชเฟอร์แท็กซี่ที่สวมบทโจรกรุงจึงกระชากสร้อยทองออกจากคอเหยื่อ จนจี้ทองขาด ก่อนไล่ลงจากรถ และขับหลบหนีไป ทำให้ผู้เสียหายอยู่ในอาการตื่นตกใจ ก่อนมาแจ้งความกับทางตำรวจ สน.บางเสาธง

จากนั้นทางพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ ได้สั่งการเน้นย้ำให้ชุดสืบสวน ติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ให้ได้ เนื่องจากเป็นภัยกับประชาชนที่ใช้บริการรถสาธารณะ ต่อมา ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.บางเสาธง และตำรวจ กก.4บก.สส.บช.น. ได้บูรณาการกำลังทำการสืบสวนสอบสวนเรื่อยมา โดยเฉพาะการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาเส้นทางการหลบหนี จนทราบตัวคนร้ายคือ นายก่อพงศ์ หรือต่อ โชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าว จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ

กระทั่งวันนี้(28 พ.ค.) ขณะที่พ.ต.ท.ธงชัย พร้อมกำลังตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.บางเสาธง กำลังขับขี่รถปฏิบัติภารกิจ ผ่านมาและจอดรถติดสัญญาณไฟแดงที่บริเวณละแวก รพ.รามา พบรถแท็กซี่ต้องสงสัย มีทะเบียนตรงกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จึงขับสะกดรอยตาม โดยคนร้ายได้พยายามขับรถวนละแวก รพ.ดังกล่าว 4 รอบ จนมาจอดบริเวณถนนกำแพงเพชร 5 หลัง รพ.รามา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ทางชุดสืบสวนได้ประสานกำลัง ตำรวจ กก.สส.4บก.สส.บช.น. มาร่วมเฝ้าสังเกตุการณ์ จนพบชายรูปพรรณตรงตาม จึงแสดงตัวทำการจับกุม ก่อนควบคุมตัวสอบสวน ที่บก.สส.บช.น.

จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า เคยต้องโทษ คดี ฉ้อโกง และคดีลักทรัพย์ ที่เรือนจำบางขวาง เมื่อปี 55- 59 ก่อนออกมาทำอาชีพขับรถแท็กซี่ โดยก่อนหน้านี้เคยรับผู้เสียหายจากย่านสีลมมาที่บ้านพัก ซึ่งมีการพูดคุยจนฝ่ายผู้เสียหายถูกใจ และแลกเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อให้มารับอีก จนมาครั้งล่าสุดด้วยที่เจ้าตัวมีภาระที่ต้องดูแลผู้เป็นพ่อที่ป่วย มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก อาชีพแท็กซี่ไม่เพียงพอที่จะนำมาจุนเจือครอบครัว จึงอาศัยความไว้ใจของเหยื่อก่อเหตุดังกล่าว ก่อนมาถูกจับกุม ซึ่งตนรับสภาพที่จะต้องกลับไปชดใช้สิ่งมี่ทำลงไป และยอมรับว่าก่อเหตุลักษณะนี้เป็นครั้งแรกเท่านั้น และวันนี้ตั้งใจจะมาขับหาผู้โดยสารละแวกนี้อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การต้องทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้ง หากมีผู้เสียหายรายใดถูกคนร้ายก่อเหตุลักษณะดังกล่าวสามารถติดต่อ สน.บางเสาธงได้ทันที เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเสาธงดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป