ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง"ลุย"สานฝันเยาวชนสู่ฟุตบอลอาชีพรุ่น2

ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนกำแพงเพชร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ได้มีการแถลงข่าวเปิด"โครงการสานฝันเยาวชน ด้านทักษะฟุตบอล เพื่อพัฒนาเป็นอาชีพ" และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง , สโมสรฟุตบอลเอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด , และมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมีตัวแทนจากทั้ง 3 ฝ่าย เข้าร่วม คือ สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง ในฐานะประธานในพิธี , ยุทธนา หยิมการุณ รองปลัดกระทรวงการคลัง และประธานสโมสรฟุตบอล เอ็มโอเอฟ ศุลกากรยูไนเต็ด , ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และ ดร.นิลุบล ลิ่มพงษ์พันธุ์ ประธานผู้พิพากษาศาลสมทบ แถลงความเป็นมาถึงรายละเอียดของโครงการ





สำหรับ"โครงการสานฝันเยาวชน ด้านทักษะฟุตบอล เพื่อพัฒนาเป็นอาชีพ" เป็นโครงการที่เข้าสู่รุ่นที่ 2 นับจากการดำเนินการรุ่นแรก ในปีที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวเป็นการนำเยาวชน ที่อยู่ในระหว่างการสอบสวนและการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ไปฝึกซ้อมทักษะการเล่นฟุตบอล กับโค้ชฟุตบอลอาชีพ ของสโมสรฟุตบอล เอ็มโอเอฟ ศุลกาก รยูไนเต็ด ทีมในไทยลีก 2 ตลอดทุกวันเสาร์ รวม 16 สัปดาห์ โดยเมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้ว หากเยาวชน สามารถแสดงผลงานได้อย่างน่าพอใจ ก็มีโอกาสที่จะต่อยอดตัวเอง ไปสู่วงการฟุตบอลอาชีพ โดยทางสโมสรฟุตบอลเอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด พร้อมที่จะสนับสนุน ด้วยการบรรจุเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ในทีมระดับเยาวชนของสโมสรฯ ทั้งนี้ในรุ่นที่ 1 มีเยาวชน ที่ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลเยาวนของสโมสรฯ 3 ราย ด้วยกัน





เป้าหมายของโครงการนี้ มีแนวทางที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเยาวชนให้กลับตนเป็นคนดี สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคม ได้อย่างปกติสุข โดยใช้กีฬาเป็นเครื่องบำบัด ส่งเสริมให้เยาวชน มีทักษะทางด้านฟุตบอล เพื่อพัฒนาเป็นอาชีพต่อไปไปในอนาคต ขณะเดียวกันในการต่อยอดโครงการนี้ในรุ่นที่ 2 ทาง ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และสโมสรฟุตบอล เอ็มโอเอฟ ศุลกากรยูไนเต็ด ได้ประสานความร่วมมือกับ สถาบันการศึกษาคือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ที่จะเข้ามาสนับสนุนพันธกิจ ด้วยการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี กับผู้ที่ผ่านการคัดเลือก 2 ราย จากทั้งหมด 26 ราย ที่เข้าสู่โครงการ โดยเยาวชน ทั้ง 2 ราย จะได้รับทุนการศึกษา ในแบบเรียนฟรีหลักสูตรปริญญาตรี ตลอด 4 ปี



นอกจากความร่วมมือ ของทั้ง 3 ฝ่ายต่อโครงการนี้แล้ว ยังมีการสนับสนุนโครงการนี้ จากภาคเอกชน ประกอบด้วย บริษัทฮุนไดมอเตอร์( ไทยแลนด์) จำกัด โดย โตชิฮิเดะ อาโนะ ประธานบริษัทฮุนไดมอเตอร์( ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัทอีซูซุพระนคร จำกัด โดย อรรถวิชช์ เอกธนิตพงษ์ ผู้จัดการกลุ่มสายงานทั่วไป ตัวแทนบริษัทอีซูซุพระนคร จำกัด ซึ่งเอกชนทั้ง 2 ราย ได้ร่วมมอบเงิน และอุปกรณ์กีฬา เพื่อสนับสนุนโครงการนี้



สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ให้สัมภาษณ์กับ "เนชั่นทีวี" ว่า เป้าหมายของโครงการนี้ คือการยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง การประสบความสำเร็จกับโครงการรุ่นที่ 1 ทำให้ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง รวมทั้งสโมสรฟุตบอลเอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด พร้อมที่จะสานต่อโครงการนี้ ให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืน และการที่สถาบันการศึกษา คือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ยื่นมือเข้ามาสนับสนุนโครงการ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ลำพังความเป็นเลิศทางด้านฟุตบอลยังไม่พอ การศึกษายังคงมีความสำคัญต่อการพัฒนาเยาวชน และภูมิใจที่ความร่วมมือของโครงการนี้ ที่เริ่มมาจากรุ่นที่1 เป็นการสร้างรากฐานไปถึงรุ่นที่ 2





ยุทธนา หยิมการุณ ประธานสโมสรฟุตบอล เอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด กล่าวว่า ภูมิใจที่ความสำเร็จจากรุ่นที่ 1 ได้สร้างความร่วมมือ หรือการตอบรับที่ดี จากหลายฝ่ายที่มาร่วมสนับสนุนโครงการนี้ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทย คือ สังคมของการให้ พร้อมที่จะแบ่งปันให้กันและกัน




ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับโครงการนี้ เป็นระยะเวลา 5 ปีและถึงแม้ว่ากรอบเบื้องต้นที่วางไว้ จะเป็นการสนับสนุนการศึกษาในรูปแบบเรียนฟรีในหลักสูตรปรีญญาตรี แต่ในทางปฏิบัติหากเยาวชนของโครงการนี้ มีผลการเรียนที่ดี ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ได้รับทุนเรียนฟรีไปจนจบหลักสูตรปริญญาเอกที่สถาบันเปิดสอน ภูมิใจที่โครงการนี้ได้ทำหน้าที่ของการบริการหรือการให้ไปสู่สังคม

สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และ ยุทธนา หยิมการุณ ประธานสโมสรฟุตบอล เอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด ( ที่ 3 จากซ้าย)

ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี