ทั้งนี้ ทางศูนย์พยากรณ์ได้ประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดอาจทำให้การส่งออกไทยในปี้ติดลบ5% หากมาตรการตอบโต้ทั้งสองประเทศยังเพิ่มความรุนแรงและอาจทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.5% ได้เพราะจากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์พบว่าหากไทยต้องการผลักดันส่งออกให้ขยายตัว 0%ต้องมีมูลค่าส่งออกไม่ต่ำกว่า 21,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนซึ่งหากพิจารณาตัวเลขส่งออก 4 เดือนที่ผ่านมาแล้วค่อนข้างลำบาก
"ตอนนี้ความเป็นไปได้มากสุดของการส่งออกไทยหรือประมาณ50% คือ ติดลบ 1%ถึงติดลบ 1.5% ซึ่งทำให้เม็ดเงินที่จะเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจไทยหายไป 1.5-2 แสนล้านบาทดังนั้นแนวทางที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการลงทุนของส่วนท้องถิ่นการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการขับเคลื่อนผ่านกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศซึ่งรวมๆประมาณ 2 แสนล้านบาท ขณะธนาคารแห่งประเทศไทยก็ต้องเดินนโยบายบาทอ่อนหรืออยู่ระดับ32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นส่งออกและท่องเที่ยว"
นายธนวรรธน์ กล่าวว่าสมาชิกหอการค้าไทยมีข้อเสนอในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คือต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคและนักลงทุน เพราะตอนนี้การลงทุน และการบริโภคได้ชะลอตัวยกเว้นด้านการท่องเที่ยวและบริการที่จะเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจไทยให้เดินได้อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของปีหากสามารถผลัดกันจีดีพีให้ขยายตัว 4%ก็จะทำให้จีพีดีทั้งปีขยายตัว 3.5% ซึ่งหากก็มีโอกาศหากรัฐบาลใหม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆได้รวดเร็ว