เมื่อมาดูพฤติกรรมการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของกลุ่มคนเหงาพบว่า มีการใช้เฟซบุ๊ก สูงสุดถึงสัดส่วน 36.7% รองลงมาคือแอปพลิเคชั่นไลน์ สัดส่วน 33.0% อินสตาแกรม สัดส่วน16.7% และทวิตเตอร์ สัดส่วน 11.9%
จากกิจกรรมและพฤติกรรมของกลุ่มตลาดคนเหงาทำให้คาดว่ามี 5 กลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตและเจาะตลาดคนเหงา ซึ่งมีทั้งธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ๆที่เกิดขึ้นในตลาดโดย 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจคอมมิวนิตี้หรือชุมชนของคนชอบเหมือนกัน เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านบอร์ดเกมส์ 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโค-สเปซ เช่น คอนโดมิเนียมอพาร์ตเมนต์ ออฟฟิศ ที่มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกันของกลุ่มคนเหงา 3.ธุรกิจด้านดิจิทัลและเอไอ เช่น แอปพลิเคชั่น และแพลตฟอร์ม ที่ทำขึ้นเพื่อรองรับกิจกรรมและความต้องการของกลุ่มคนเหงา4.ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เช่น ให้เช่าสัตว์เลี้ยง คาเฟ่สัตว์เลี้ยง ที่ปรึกษาสัตว์เลี้ยงและ 5.ธุรกิจท่องเที่ยว เช่น แพคเกจท่องเที่ยวสำหรับทัวร์คนโสด
สำหรับกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการธุรกิจควรใช้ในการเจาะตลาดคนเหงาคือ การสร้างบรรยากาศให้ผู้บริโภคไม่รู้สึกเหงา แบรนด์ต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนกับผู้บริโภคและในโอกาสหรือเทศกาลสำคัญจะต้องทำการตลาดกับกลุ่มคนเหงา รวมทั้งสร้างบรรยากาศของการทำกิจกรรมร่วมกับกันอื่นด้วย
ขณะที่ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาผ่านแอปพลิเคชั่นอูก้า(OOCA)ทพญ.กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ ระบุ แอปพลิเคชั่นอูก้า เป็นเครือข่ายที่รองรับความต้องการของตลาดคนเหงาที่อาจต้องการคำปรึกษาด้านจิตวิทยาแต่ไม่กล้าปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง จึงได้ทำแอปพิเคเชั่นเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอูก้าแล้ว 4,000-5,000 ราย คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 10% ขึ้นไป