จัดกำลังเฝ้าพะยูนน้อย พลัดหลงแม่ที่เกาะลิบง

คณะสัตวแพทย์กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และกลุ่มพิทักษ์ดุหยง จัดกำลังเฝ้าดูแล "เจ้ามาเรียม" พะยูนน้อยวัยเกือบ 1 ปี ที่พลัดหลงจากแม่ มาเกยตื้นอยู่ที่บริเวณหาดอ่าวทึง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ในสภาพอิดโรยอ่อนแรง ก่อนที่สัตวแพทย์จะช่วยปฐมพยาบาล แล้วนำมาปล่อยกลับลงสู่ทะเลที่บริเวณแหลมจุโหย ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งหญ้าทะเลใหญ่ที่สุด และมีฝูงพะยูนที่มากที่สุดในประเทศไทย

ล่าสุดเจ้ามาเรียมมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงต้องป้อนนมให้กินเสมือนกับมันกินนมแม่ สลับการป้อนและสอนให้กินหญ้าทะเล โดยคาดว่าจะต้องทำเช่นนี้ต่อไปอย่างน้อย 6 เดือน จนกว่าพะยูนน้อยจะเติบโตพร้อมออกไปใช้ชีวิตภายนอกตามธรรมชาติ ซึ่งปกติถ้าลูกพะยูนยังอยู่กับแม่ แม่ก็จะป้อนนมให้กินไปจนมีอายุราว 1 ปีเศษ และสอนให้หาหญ้าทะเลกินแต่กรณีนี้เนื่องจากเจ้ามาเรียมพลัดหลงจากแม่ และไม่อาจนำไปอยู่กับแม่พะยูนตัวอื่น หรือพะยูนฝูงใดได้

ซึ่งหากทิ้งให้อยู่ตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่ก็มักจะขาดนมและตายไปในที่สุด ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงจำต้องนำมาอนุบาลและเป็นเสมือนกับแม่เอง โดยเลือกใช้วิธีการปล่อยไว้ในท้องทะเล แทนที่จะนำไปอนุบาลในบ่อ ซึ่งเป็นครั้งแรกของไทยที่เจ้าหน้าที่ทำเช่นนี้ แม้การดูแลแบบวิธีธรรมชาติ จะเป็นผลดีต่อเจ้ามาเรียม เพราะมันชอบและรู้สึกสนุกสนานอย่างมาก โดยเฉพาะการที่เจ้าหน้าที่นำเรือคายัคมาพายเพื่อตรวจสอบชีวิตความเป็นอยู่ เจ้าพะยูนน้อยก็จะว่ายน้ำไล่ตาม อีกทั้งบริเวณอนุบาลก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าทะเล และเป็นที่กำบังคลื่นลมในฤดูมรสุม 

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ กิจกรรมทางทะเล การสัญจรทางเรือ และเครื่องมือประมง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อพะยูนน้อยได้ หากมันว่ายน้ำออกไปนอกแนวเขต ก็อาจถูกเรือชน หรือถูกใบพัดเรือ รวมทั้งอาจไปติดเครื่องมือประมงบางชนิด หรือว่ายน้ำเผลอเข้าไปเกยตื้นอีกครั้ง จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งประสานไปยังผู้นำชุมชน และชาวบ้านเกาะลิบง เพื่อขอความร่วมมือในการช่วยดูแลเจ้ามาเรียม เพื่อให้ประสบความสำเร็จ