เปิดเงื่อนไขตั้ง "พุทธอุทยาน"

โดยหลักเกณฑ์ที่เป็นเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนเป็นพุทธอุทยาน มีทั้งของกระทรวงทรัพย์ฯ และมติมหาเถรสมาคม แบ่งการดำเนินการเป็น 3 ระยะ เพื่อให้ที่พักสงฆ์และสำนักสงฆ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้เงื่อนไขพุทธอุทยานมติมหาเถรสมาคมที่นำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการควบคุม ก็คือมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 11/2547 เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2547 เกี่ยวกับการจัดตั้งสถานที่ทางพระพุทธศาสนาในพื้นที่ป่า ต้องไม่มีลักษณะเป็นวัด ไม่เน้นการก่อสร้างทางวัตถุ แต่ควรเป็นสวนสาธารณะที่สงบ ร่มรื่น ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และใช้เป็นสถานที่แสดงธรรมได้ส่วนวัด สำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์ ในพื้นที่ป่าที่มีศักยภาพในการดูแลรักษาพื้นที่ป่า กระทรวงทรัพย์ฯ ก็พร้อมสนับสนุนให้ดูแลรักษาป่าเพิ่มเติม ตามโครงการ พุทธอุทยานต่อไป

ข้อมูลจากกรมป่าไม้ ระบุว่า ปัจจุบันมีวัดและสำนักสงฆ์อยู่ในเขตป่าประมาณ 7,000 แห่ง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือวัดที่ไม่เหมาะสมที่จะตั้งในพื้นที่ป่า เพราะเสี่ยงทำลายระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม วัดหรือสำนักสงฆ์กลุ่มนี้ต้องถูกย้ายออกจากป่า ขณะนี้มีไม่ถึง 40 แห่งกลุ่มที่ 2 วัดและสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าที่สามารถตั้งวัดได้ ต้องขออนุญาตและปฏิบัติกามเงื่อนไขของกรมป่าไม้และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลุ่มนี้มีประมาณ 1,700 แห่ง

กลุ่มที่ 3 เป็นโครงการพระพุทธศาสนากับป่าไม้ ซึ่งจะต้องพัฒนาเป็น "พุทธอุทยาน" ตามเงื่อนไขที่กำหนด หลักๆ คือห้ามก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมมีพุทธอุทยานนับพันแห่ง บางแห่งก็กระทำผิดเงื่อนไขและบานปลายกลายเป็นประเด็นขัดแย้ง โดยเฉพาะการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ในพื้นที่พุทธอุทยาน