ความคืบหน้าวันที่ 16 พ.ค. ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานี รายงานจากการเปิดเผยของนางสาวปิยะนุช พาแก้ว อายุ 29 ปี ผู้เสียหายที่นำมือถือเก่ามาใช้ประโยชน์ใช้ติดตามหาตำแหน่งรถ โดยแรกตั้งใจใช้ตามสามีเวลาไปเที่ยวดื่มกินกับสมัครพรรคพวก แต่ต่อมากลายเป็นประโยชน์ได้ตามหารถที่ถูกโจรกรรมกลับคืนมาได้
ก็มีคนที่ทราบข่าวมาพบนางสาวปิยะนุช ซึ่งเป็นลูกจ้างร้านจำหน่ายมือถือแห่งหนึ่ง บริเวณหน้าโรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์ อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อขอคำปรึกษาและให้แนะนำวิธีการนำมือถือเก่ากลับมาใช้ประโยชน์ใช้ดูตำแหน่งรถของตน เพื่อป้องกันหากถูกโจรกรรมบ้าง จะได้ใช้เป็นมือติดตามหารถกลับมา
ซึ่งนางสาวปิยะนุช ระบุว่า โปรแกรมที่ตนใช้เป็นแอปแชร์ตำแหน่งจากมือถือที่ใส่ไว้ในรถ มายังมือถือของตนที่ใช้อยู่ โดยแอปนี้สามารถใช้ได้ติดต่อกัน 3 วัน หลังจากนั้นจะนำมาชาร์จแบตเตอรี่ และทำการแชร์ตำแหน่งใหม่ ซึ่งมือถือทุกเครื่องมีโปรแกรมนี้ติดตั้งอยู่ หรือถ้าไม่มีก็สามารถโหลดโปรแกรมนี้มาใช้ได้ฟรี จึงได้ให้คำแนะนำกับลูกค้าที่สนใจนำไปใช้
ส่วนยอดการจำหน่ายเครื่องมือสอง เพื่อนำไปติดตั้งในรถมียอดไม่เพิ่มสูงมากนัก แต่การใช้วิธีนี้ เชื่อว่าดีกว่าการซื้อจีพีเอสแบบปกติมาใช้ เพราะจีพีเอสมีราคาแพงกว่าหลายเท่าตัว และหลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายนำกุญแจสำรองมาใช้ขโมยรถ วันนี้ได้นำรถไปเปลี่ยนระบบกุญใหม่ทั้งหมดแล้วด้วย
ด้านนายมงคล จุลทัศน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทมงคลคาร์เซ็นเตอร์ เจ้าของเต้นท์จำหน่ายรถมือสองในตัวจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงคนร้ายที่ก่อเหตุขโมยรถของสองผัวเมียอาจเป็นเซลล์จำหน่ายรถอิสระว่า การเลือกซื้อรถมือสองไปใช้งาน ผู้ซื้อควรซื้อกับผู้ประกอบการที่มีสถานที่จำหน่ายเป็นหลักแหล่ง
และต้องตรวจสอบสภาพรถเคยเกิดอุบัติเหตุหนักมาก่อนหรือไม่ ต่อมาดูเรื่องเอกสารถูกต้องหรือมีการแก้ไขนำรถมาสวมรอยหรือไม่ และกุญแจสำรองที่ผู้ซื้อต้องเช็คกับผู้ขายให้ละเอียดมีจำนวนกี่ดอก
.
.
ถ้าให้ดีที่สุดหากเป็นรถรุ่นใหม่ ก็นำรถเข้าไปที่ศูนย์เพื่อรับการเช็ตระบบรีโมทและลงรหัสสัญญาณใหม่ทั้งหมด หากเป็นรถรุ่นเก่าให้เปลี่ยนลูกและแม่กุญแจ หรือติดตั้งรีโมทป้องกันการขโมยชุดใหม่ เพราะมีราคาไม่กี่พันบาท จะช่วยป้องกันคนขายแอบกลับไปขโมยรถจากลูกค้าเหมือนที่กำลังสงสัยในกรณีรถของสองผัวเมียที่ถูกโจรกรรมไปเมื่อวันก่อนได้