เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล แสดงความเห็นถึงกรณีการประกาศรายชื่อ250 ส.ว. ว่าเมื่อดูจากรายชื่อแล้วเห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาล คสช. ได้วางโร้ดแมพไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว เพื่อให้ ส.ว. ทั้งหมดเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งถือเป็การกระทำที่อุกอาจท้าทายอำนาจของประชาชน ที่เสียภาษี เพื่อให้บุคคลใน คสช. คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้คัดสรรรายชื่อและเสนอขึ้นมา เป็นบุคคลใกล้ชิด ทั้งทหาร ตำรวจ พรรคพวกเก่า และคนที่อยู่ใน คสช. และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่เคยมีส่วนร่วมในการทำงานด้านนิติบัญญัติ แต่กลับมาใช้อำนาจนิติบัญญัติได้
นอกจากนี้ มาตรา 114 ในรัฐธรรมนูญ บัญญัติไว้ว่า สมาชิกสภาและสภาผู้แทนราษฎรย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่ง อาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใดๆ แต่ส.ว.มาเปนผู้แทนปวงชนชาวไทยโดยที่ไม่รู้ว่าปวงชนชาวไทยไม่เคยเลือกหรือแม้แต่สรรหารู้ว่าเป็นใครเลย แต่ส.ว.อยู่ในอาณัติมอบหมายของคสชหรือไม่ทั้งนี้ อยากให้ส.ว.อ่านมาตรา 114 และเอาตัวเองกลับมาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง โดยการใช้อำนาจของตัวเองในตั้งแต่วันเเรกที่เข้าสภาไปในทางที่เหมาะสม เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
ล่าสุด 15 พ.ค. 62 "ชูชาติ ศรีแสง"อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า........นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ประกาศกร้าวว่า การตั้ง ส.ว. 250 คน คสช.กระทำอย่างอุกอาจ ท้าทายอำนาจประชาชน
.....รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ที่ประชาชนลงมติให้ความเห็นชอบ 16.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 61.35
.....นายปิยบุตรต้องเคยอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ที่บัญญัติว่า ในวาระเริ่มแรก ให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจํานวนสองร้อยห้าสิบคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติถวายคําแนะนํา โดยในการสรรหา และแต่งตั้งให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้ ฯลฯ
.....นายปิยบุตรจึงต้องรู้ว่า ส.ว. 250 คน มีที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันกับที่นายปิยบุตรได้เป็น ส.ส. ที่ผ่านการลงประชามติจากประชาชน
.....โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 269 บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ฯลฯ ไม่ใช่ คสช.เป็นผู้แต่งตั้ง
.....การที่นายปิยบุตรกล่าวว่า การแต่งตั้ง ส.ว. 250 คน เป็นการกระทำอย่างอุกอาจ ท้าทายอำนาจประชาชน นั้น
.....นายปิยบุตรต้องการกล่าวหาใคร ?
.