รองผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกโสภณ วัฒนมงคล ระบุคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้จัดเตรียมคำชี้แจงและข้อเท็จจริงต่างๆไว้แล้วโดยจะจัดส่งเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 14 พฤษภาคมและพร้อมชี้แจงต่อศาลปกครองกลางในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้
ขณะเดียวกันคณะกรรมการคัดเลือกฯยังคงดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดในการพิจารณาข้อเสนอของเอกชนซึ่งคาดว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้เพื่อให้โครงการเปิดบริการตามกำหนดคือปี 2566
กองทัพเรือในฐานะเจ้าของโครงการฯได้เตรียมความพร้อมการดำเนินงานในทุกๆ ด้าน เพื่อให้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติตลอดจนตระหนักถึงปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นเป็นอย่างดีจึงได้นำแนวทางและวิธีการของการดำเนินการป้องกันการทุจริตหรือข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ในโครงการนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรม โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนการประมูล
ขณะที่ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ดร.สุเมธ องกิตติกุล ระบุกรณีเอกชนยื่นวองประมูลไม่ทันภายในเวลาที่กำหนดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพราะโดยปกติการยื่นซองประมูลจะรายละเอียดและระยะเวลา หรือ Dead Line กำหนดไว้ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯจะมีเกณฑ์ในการพิจารณา แต่กลุ่มเอกชนที่มีข้อโต้แย้งคงมีหลักฐานที่นำไปฟ้องศาลเรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลปกครอง
ส่วนการตัดสิทธิเอกชนที่ยื่นเอกสารไม่ทันภายในเวลาที่กำหนดไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติแต่หากจะเอื้ออำนวยหรืออะลุ่มอล่วยให้เอกชนรายดังกล่าวดำเนินการต่อไปได้ก็จะไม่แฟร์กับเอกชนรายที่ยื่นเอกสารทันตามเวลาที่กำหนดเพราะโครงการนี้มีคู่แข่งหลายราย
สุดท้ายแล้วคงต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลปกครองว่าจะเห็นควรอย่างไร แน่นอนว่าคำตัดสินของศาลในคดีนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะจะเป็นคดีตัวอย่าง และเป็นบรรทัดฐานให้กับเอกชนโดยเฉพาะเอกชนที่ใช้วิธีเผื่อเลือก ชอบทำซองราคาเกินกว่า 1 ซองในการยื่นประมูล
ทีมข่าวเนชั่นทีวี รายงาน