จากกรณีบนโลกสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอความยาวประมาณ 2.56 นาที ซึ่งเป็นเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ก่อนเชิญตัวคนขับรถยนต์เพศชาย วัยกลางคน แต่งกายภูมิฐาน มาเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์แต่กลับถูกปฏิเสธ พร้อมทั้งอ้างตนเป็นทนายความและไม่ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่รวมทั้งด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนสังคมออนไลน์กันอย่างกว้างขวาง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 พ.ค. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น.ได้กล่าวถึงกรณีโลกออนไลน์มีการเผยแพร่คลิปชายปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์บริเวณด่านตรวจ พร้อมระบุว่าตนเองเป็นทนายความ และไม่ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ รวมถึง ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่า ตนได้รับรายงานจากพล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 แล้ว ทราบว่า ชายผู้นี้ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับ ซึ่งวันนี้ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีที่ปรากฏในคลิปว่า มีการพูดจาลักษณะดูหมิ่นและขัดคำสั่งเจ้าพนักงานหรือไม่อย่างไร ในเบื้องต้น มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง คือ เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจในวันเกิดเหตุ ซึ่งจากรายงานทราบว่าชายในคลิปเป็นทนายความจริง หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนอาจจะเชิญทนายความคนดังกล่าวมาให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่ชายดังกล่าวแจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ก็เป็นสิทธิตามกฎหมาย
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ เปิดเผยต่อไปว่า ขอฝากประชาชน ถ้าเจ้าหน้าที่ขอตรวจหรือให้เป่าแอลกอฮอล์ ช่วยปฏิบัติตาม คงไม่มีการกลั่นแกล้งในสมัยนี้ ถ้าปริมาณแอลกอฮอล์เกิน เจ้าหน้าที่ก็แจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการที่ศาล ถ้าปริมาณไม่ถึงก็ไม่ดำเนินการอะไร ที่สำคัญ สาเหตุที่ต้องตั้งด่าน ก็เพื่อความปลอดภัย ของคนทั่วไป