ในวันเดียวกัน (8 พ.ค.) เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เสร็จสิ้นแล้ว น้องสาวของจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายเจนภพ จำเลย ในระหว่างฎีกา โดยใช้หลักประกันเดิมเงินสด จำนวน 300,000 บาท พร้อมเพิ่มหลักประกันใหม่เป็นเงินสดอีกจำนวน 100,000 บาท รวมหลักประกันทั้งสิ้น 400,000 บาท ซึ่งศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลชั้นต้น พิจารณาแล้วมีคำสั่ง ให้คำร้องขอปล่อยชั่วคราวนั้นให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาสั่ง
โดยวันนี้ (10 พ.ค.) ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับคำสั่งจากศาลฎีกาเรื่องพิจารณาขอปล่อยชั่วคราวดังกล่าวแล้ว ซึ่งได้แจ้งผลให้จำเลยทราบแล้วว่า ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้วยังไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นฎีกาคดีเข้ามา ประกอบกับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุกมีกำหนด 4 ปี เมื่อพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งคดีแล้ว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยอาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา จึงให้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างฎีกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกาสั่งยกคำร้อง ไม่ให้ประกันตัวจำเลยระหว่างรอฎีกาคดีนี้แล้ว นายเจนภพ ยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำไปจนกว่าจำเลยจะยื่นประกันใหม่แล้วศาลจะมีคำสั่งอนุญาต
สำหรับคดีนี้เดิม ศาลชั้นต้น ได้พิพากษาลงโทษจำคุก นายเจนภพ จำเลย เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แต่อัยการโจทก์ และญาติโจทก์ร่วมที่ 3-4 ได้อุทธรณ์คำพิพากษาขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพิ่มโทษจำคุกจำเลย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาแล้วอุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษจำเลย ลงโทษฐานเสพแอมเฟตามีน ขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 6 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงให้จำคุกจำเลย 4 ปี ไม่รอลงอาญา (คดีหมายเลขดำ อ.1528/2559 คดีหมายเลขแดง อ.2443/2560)