svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

คุมตัว 1 ในผู้ต้องหาปล้นร้านเพชรทำแผน ไล่ล่าอีก 1

08 พฤษภาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คุมตัว 1 ในผู้ต้องหาปล้นร้านเพชรทำแผนฯ ไล่ล่าอีก 1 คาดได้ตัววันนี้ ขณะที่ลูกจ้างร้านเผยจำกลิ่นน้ำหอมคนร้ายได้ เคยเข้ามาทำทีซื้อสินค้า ตร.ติดตามของกลางได้คืน 80 เปอร์เซ็นต์ ด้านเจ้าของร้านขอบคุณตำรวจ พร้อมติดตั้งลูกกรงเหล็ก บังคับให้ถอดหมวกก่อนเข้าร้าน

จากกรณี 3 คนร้ายใช้อาวุธปืนก่อเหตุปล้นเพชรและของหลุดจำนำมูลค่าความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท พร้อมทั้งทำร้ายร่างกายนายศิริชัย อาศัยพาณิชย์ อายุ 61 ปี เจ้าของร้านจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในร้านศิริชัย ตั้งอยู่เลขที่ 1547 บริเวณปากซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม ปากซอย 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 พ.ค ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายนพอนันต์ ภูษิตรุ่งโรจน์ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าทีมได้ และคุมตัวฝากขังไปแล้วก่อนหน้านี้ และต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. เจ้าหน้าที่ได้จับกุม  นายวุฒิชัย ล้านเหรียญทอง คนร้ายที่ก่อเหตุเพิ่มได้อีก 1 ราย
ล่าสุดวันที่ 8 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายวุฒิชัยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจุดเกิดเหตุหน้าปากซอยเพชรเกษม 63 โดยเริ่มจากนายวุฒิชัยเข้ามาในร้านและนำปืนวางที่ตู้โชว์สินค้า โดยมีกระเป๋าเป้สีดำวางทับไว้ จากนั้นจึงเดินอ้อมเข้าไปในเคาท์เตอร์ก่อนบังคับให้พนักงานและเจ้าของร้านหมอบลง จากนั้นใช้อาวุธปืนตีเข้าศีรษะข้างด้านขวาของเจ้าของร้าน และหยิบทรัพย์สินภายในตู้ที่2 ใส่กระเป๋าก่อนจะหลบหนีขึ้นรถจักรยานต์ที่จอดไว้ห่างจากร้านกว่า100เมตร และไปแบ่งทรัพย์สินที่ซอยเพชรเกษม83 และแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งหลังนำตัวนายวุฒิชัยมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตำรวจได้คุมตัวขออำนาจศาลอาญาธนบุรีฝากขังผัดแรกทันที
ขณะที่พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากข้อมูลและพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทราบว่านายนพอนันต์คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ ได้หลบหนีไปที่บ้านญาติอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิ จึงสืบสวนและสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางบางส่วนและขยายผลยึดทรัพย์สินรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุโดยนายอนันต์รับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายวุฒิชัย และนายต้น (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล) ก่อเหตุดังกล่าว จนกระทั่งล่าสุดสามารถจับกุมนายวุฒิชัยพร้อมของกลางได้ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อย่านอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร

ขณะที่พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากข้อมูลและพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทราบว่านายนพอนันต์คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ ได้หลบหนีไปที่บ้านญาติอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิ จึงสืบสวนและสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางบางส่วนและขยายผลยึดทรัพย์สินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุโดยนายอนันต์รับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายวุฒิชัย และนายต้น (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล) ก่อเหตุดังกล่าว จนกระทั่งล่าสุดสามารถจับกุมนายวุฒิชัยพร้อมของกลางได้ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อย่านอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
ด้านพล.ต.ท. สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เบื้องต้นนายวุฒิชัยให้การรับสารภาพว่านายนพอนันต์ชักชวนให้มาร่วมก่อเหตุ ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาในการให้การ แต่ตำรวจต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดก่อน สาเหตุที่ทำไปเพราะต้องการเงินไปใช้จ่าย ทั้งนี้ยังเหลือผู้ต้องหาอีก1ราย คือนายต้น ที่ยังหลบหนีอยู่บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี คาดว่าจะได้ตัวในวันนี้ เพราะตำรวจอยู่ระหว่างลงพื้นที่ติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างใกล้ชิดจากการตรวจประวัตินายนพอนันต์และนายวุฒิชัยเบื้องต้นยังไม่พบว่าเคยก่อเหตุ
ด้านนางสาวจารณี แสงสุด อายุ 35 ปี พนักงานในร้านเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนายนพอนันต์เคยเข้าซื้อสมาร์ททีวีแต่ใช้ไม่เป็น จึงให้พนักงานในร้านสอนอยู่เป็นเวลานาน จึงทำให้จดจำเสียงและกลิ่นน้ำหอมได้ นอกจากนี้ยังเป็นลูกค้าที่เคยนำแท็บเล็ตมาขายฝากกับทางร้าน ต่อมาวันที่25เมษายนทำทีเข้ามาอ้างว่าใบฝากขายหาย และให้พนักงานค้นหาเอกสารให้ กระทั่งวันเกิดเหตุ นายนพอนันต์สวมหมวกกันน็อคเข้ามา โดยมีจุดสังเกตุที่ทำให้จดจำได้คือ แววตา น้ำเสียง และกลิ่นน้ำหอม ทำให้รู้ว่าคนร้ายคือนายนพอนันต์

ขณะที่นายศิริชัย อาศัยพาณิชย์ เจ้าของร้าน ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนที่ติดตามจับกุมคาร้ายมาดำเนินคดีได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน และสามารถนำทรัพย์ของกลางกลับมาคืนได้ประมาณร้อยละ 80ของของที่ถูกปล้นไป ขณะเกิดเหตุ ตนเองได้โยนกระเป๋าสตางค์ออกจากตัว เพื่อให้กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายได้ใกล้และชัดเจนที่สุด ถึงแม้นาทีนั้นจะเสี่ยงอันตรายก็ตาม สำหรับแนวทางป้องกันหลังจากนี้ทางร้านจะติดลูกกรงเหล็ก และก่อนจะเข้าร้านต้องถอดหมวกกันน็อค หมวกแก๊ป ออกก่อน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ, ปลอมตัวเป็นบุคคลอื่นเพื่อไม่ให้เห็นจดจำได้ในการกระทำความผิด ,มีอาวุธเพื่อร่วมกระทำผิดตั้งแต่2คนขึ้น,ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายทางร่างกายและจิตใจ ข่มขื่นใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยมห้หวาดกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต,รับของโจร
สำหรับของกลาง ตำรวจสามารถติดตามทรัพย์ที่ถูกปล้นไปคืนมาได้จำนวน108รายการ รวมมูลค่ากว่า4ล้านบาท จาก141 รายการ เช่น เครื่องเพชร ทองคำ นาฬิกาหรู

logoline