"ปทุมคงคา"... ทวงคืนศักดิ์ศรี"ตำนานลูกหนังขาสั้น"

นิยามของคำว่า " มหาอำนาจลูกหนังขาสั้น" นาที่นี้ อาจจะหมายถึงการผูกติด อยู่กับโรงเรียนมัธยมชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น อัสสัมชัญศรีราชา , อัสสัมชัญธนบุรี , กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และ สวนกุหลาบวิทยาลัย ที่อาจจะหมายถึงการอยู่ในยุคใหม่ของวงการฟุตบอล จากการสร้างสรรค์ผลงานของสถาบันการศึกษาเหล่านี้


แต่อีกหนึ่งตำนานของวงการลูกหนังขาสั้น ที่ไม่น่ามองข้าม และกำลังรอคอย ที่จะกลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ โรงเรียนปทุมคงคา หรือ "สิงห์เอกมัย " โรงเรียนชายล้วนระดับมัธยมศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งหากย้อนไปในอดีต ผลผลิตของนักฟุตบอล ที่มีชื่อเสียงล้วนมาจากรั้วโรงแห่งนี้ ไม่ว่า จะเป็น เฉลิมวุฒิ สง่าพล ,ประทีป ปานขาว ,ดัสกร ทองเหลา , สุรชาติ สารีพิมพ์ , อภิวัฒน์ งั่วลำหิน จนมาถึง ศุภชัย ใจเด็ด


ทั้งนี้ความสำเร็จในระยะหลังของโรงเรียนปทุมคงคา ไปผูกติดอยู่กับ"ฟุตซอล" จนบดบังชื่อเสียงในสาขาฟุตบอลให้ซบเซาลง จนเป็นการก้าวเข้ามาแทนที่ที่ของกลุ่มโรง เรียนอย่างอัสสัมชัญ , สวนกุหลาบวิทยาลัย และกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย นั่นก็ทำให้ผู้เกี่ยวข้องในรั้วของ น้ำเงิน ฟ้า อันเป็นสีประจำโรงเรียน หันมาให้ความสำคัญต่อการรื้อฟื้นชื่อเสียงของปทุมคงคงคา ให้กลับคืนมาสู่แวดวงของสมรภูมิลูกหนังขาสั้นอย่างสมศักดิ์ศรี



โดยปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้การขับเคลื่อนการพัฒนาทีมฟุตบอลของโรงเรียนปทุมคงคา ก้าวไปสู่เป้าหมาย คือการสร้างความร่วมมือกับ สโมสรฟุตบอลการท่าเรือ เอฟซี นับตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย คือการพัฒนาฟุตบอลโรงเรียนสู่ความยั่งยืน สิ่งที่สะท้อนจากความร่วมมือมือดังกล่าวก็คือ การใช้ชื่อทีมฟุตบอล " ปทุมคงคา การท่าเรือ เอฟซี" ส่งเข้าแข่งขันกับรายการต่างๆ
ขณะเดียวกันในการขับเคลื่อน เพื่อพัฒนาทีมฟุตบอลโรงเรียนปทุมคงคา ก็นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เพราะการเปิดคัดตัวนักเรียนในกลุ่มอายุ 15 และ 16 ปี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อๆ เร็วนี้ เพื่อคัดนักฟุตบอลฝีเท้าดี เข้าสู่การเป็นนักเรียนในโครงการช้างเผือก ก็ได้รับความสนใจด้วยดี จากนักเรียนที่มีอายุตามเกณฑ์มากกว่า 700 คน จากทั่วประเทศ ที่เข้าร่วมการคัดตัวกับโครงการนี้ ด้วยความหวังว่าจะประสบความสำเร็จ เป็น 1 ใน 75 คน ที่ผ่านการพิจารณา ให้เข้าสู่โครงการช้างเผือก
ประสิทธิ์ เพี้ยงบางยาง หัวหน้าคณะคัดเลือกในโครงการช้างเผือก โรงเรียนปทุมคงคากล่าวว่า ด้วยยอดของผู้ให้ความสนใจมาร่วมคัดตัว ที่มีมากถึง 700 คน สร้างความมั่นใจให้กับทางคณะผู้ทำงาน ถึงความเชื่อมั่น ที่ทำให้นักเรียนที่ต้องการเข้าสู่โรงเรียนภายใต้โครงการช้างเผือก อันหมายถึงการได้รับทุนสนับสนุนทางด้านต่างๆ ระหว่างศึกษา ที่โรงเรียนปทุมคงคา ไปจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งปัจจัยสำคัญของขั้นตอนการคัดตัว ที่ต้องทำงานให้เกิดความรัดกุมมากที่สุด ประเด็นอยู่ที่นักเรียนที่เข้าสู่โครงการช้างเผือก ยังผูกติด กับการทำหน้าที่นักฟุตบอลเยาวชน ให้กับสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ในฐานะพันธมิตรหลัก ของโรงเรียน จึงเท่ากับว่า ทุกคนที่เข้ามา ยังมีบทบาทในการทำหน้าที่นักฟุตบอลเยาวชนให้กับการท่าเรือ เอฟซี ดังนั้นกระบวนการคัดตัวที่เกิดขึ้น คือการเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด


นี่จึงเป็นภาพของความพยายาม ในการเรียกคืนศักดิ์ศรีของสถาบันการศึกษา ที่เคยมีบทบาทกับการเป็นมหาอำนาจลูกหนังขาสั้น ให้กลับคืนมา ผ่านแนวทางที่วางไว้อย่างเป็นขั้นตอน