เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา แฟนเพจเฟซบุ๊กของนายธนาธร ได้มีการโพสต์ข้อความชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโอนหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2562 พร้อมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากที่เคยชี้แจงมาโดยหลักฐานที่นำมาโชว์เพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าเดินทางกลับจากหาเสียงที่บุรีรัมย์ มาโอนหุ้นที่กรุงเทพฯ จริงเมื่อวันที่ 8 ม.ค.จริง คือใบสั่งจราจร 3 ใบที่ห้วงเวลาสอดคล้องกันว่า รถตู้คันนี้ถูกใช้ในจังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ซึ่งนายธนาธรไปหาเสียง จากนั้นขับผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ และเข้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 8 ม.ค.โดยโดนใบสั่ง 3 ใบ ที่สุรินทร์ ระหว่างทางใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และมอเตอร์เวย์ ขาเข้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
นอกจากนั้นยังมีการนำต้นขั้วเช็คค่าหุ้นมาแสดง ว่าเป็นหมายเลขเช็คที่เรียงลำดับอย่างถูกต้องนายธนาธร โพสต์ข้อความด้วยว่า ตนไม่ได้ถือหุ้นสื่อในวันที่สมัคร ส.ส.และ กกต. ไม่มีอำนาจในการตั้งข้อกล่าวหาและตรวจสอบตนในประเด็นนี้ จึงหวังว่า กกต.จะเป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง
หาก กกต.ใช้อำนาจโดยมิชอบ ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 (ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ) ซึ่งตนขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฏหมายกับ กกต.ต่อไปแต่หลังจากที่นายธนาธรโพสต์หลักฐานเพิ่มในเฟซบุ๊ค ก็ยังมีการตั้งข้อสังเกตตามมาจากฝ่ายต่างๆ เช่น สำนักข่าวอิศราซึ่งตรวจสอบเรื่องนี้มาตลอด ตั้งคำถามว่า รถยนต์ที่โดนใบสั่ง มีชื่อเจ้าของหรือผู้ครองครอง เป็นชื่อ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยาของนายธนาธร แต่กลับไม่ใช่ชื่อเดียวกับเจ้าของ "อีซี่พาส" ที่นำมาอ้างเป็นหลักฐานการขับรถผ่านด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ก่อนหน้านี้
ขณะที่บางคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า หลักฐานที่นำมาแสดงไม่ได้ยืนยันว่าตัวนายธนาธรอยู่ในรถคันที่กล่าวอ้าง ส่วนต้นขั้วเช็คที่นำมาโชว์ ก็ยังไม่ใช่สเตทเมนท์ที่นำเช็คเข้าธนาคาร ซึ่งหากนำสเตทเมนท์มาชี้แจง จะสิ้นข้อสงสัย เนื่องจากสเตทเมนท์จะระบุวันที่ชัดเจนว่าเป็นวันก่อนสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้ที่โพสต์ข้อความให้กำลังใจนายธนาธร และเชื่อตามหลักฐานที่นำมาเสนอด้วยเช่นกัน