svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา เผยคำวินิจฉัยศาลฎีกา "ธนาธร" มีคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส.

25 เมษายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

25 เม.ย.62 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา นายชูชาติ ศรีแสง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๒๙ วรรคสาม บัญญัติว่า

การโอนหุ้นให้แก่กันจะนํามาใช้แก่บริษัท หรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งช่ือและสํานักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น
....ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๘๗๓/๒๕๔๓ ว่า การโอนหุ้นจะใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๑๒๙ วรรคสาม
.....เมื่อโจทก์ขายหุ้นแล้วมิได้จดแจ้งการโอนต่อนายทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯในทะเบียนผู้ถือหุ้นจึงยังคงปรากฏชื่อโจทก์ เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ โจทก์จึงไม่อาจอ้างเหตุว่าได้มีการโอนหุ้นไปแล้วเพื่อใช้ยันจำเลยคือกรมสรรพากรซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ โจทก์จึงต้องนำเงินปันผลจากหุ้นของบริษัทฯ มาคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้
.....นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อ้างว่าได้โอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 แต่เมื่อไม่ได้นำไปจดแจ้งการโอนโดยระบุชื่อและที่อยู่ของผู้รับโอนในทะเบียนผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียน ตามแบบ บอจ.5 จึงอ้างการโอนหุ้นใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้
.....การไปยื่นสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อในระหว่างวันที่ ๔-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้แจ้งการโอนหุ้นต่อนายทะเบียนแต่เพิ่งแจ้งเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ในทะเบียนของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ยังปรากฎชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ จึงไม่อาจอ้างว่าได้มีการโอนหุ้นไปแล้วเพื่อใช้ยัน กกต. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้
.....ดังนั้น กกต.จึงต้องฟังว่าในวันที่นายธนาธรไปยื่นสมัครรับเลือกตั้งนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
.....นายธนาธรจึงมีคุณสมบัติต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และ พรป.การเลือกตั้งฯ มาตรา 42(3) คือเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
.....การสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมมีความผิดตาม พรป.การเลือกตั้งฯ มาตรา ๑๕๑ มีโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปี ถึง ๑๐ ปี และปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทถึง ๒๐๐.๐๐๐ บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด ๒๐ ปี
.....อนึ่งที่กล่าวมาเป็นความเห็นทางกฎหมาย ผู้ใดจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นดุลพินิจของแต่ละคน แต่แม้ไม่เห็นด้วยผู้ที่เป็นอารยชนย่อมไม่ด่าด้วยคำหยาบเฉกเช่นผู้ไร้การศึกษาและขาดการอบรมสั่งสอนจากบุพการีเพราะมีนิสัยเหมือนกัน

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา เผยคำวินิจฉัยศาลฎีกา "ธนาธร" มีคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส.

logoline