ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า รัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายเลยหรือไม่ ส่วนต้องไปไล่เบี้ยกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เห็นชอบยกเลิกสัญญาหรือไม่ ก็ต้องขอเวลาตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน ย้ำว่า กระทรวงคมนาคม เป็นเจ้าของเรื่อง ซึ่งต้องไปทำการบ้านแล้วรายงานเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเป็นไปได้ที่กระทรวงคมนาคม อาจต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษา
นอกจากนี้ ยืนยัน ไม่ต้องใช้มาตรา 44 เพื่อช่วยให้รัฐไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย เพราะการใช้มาตรา 44 ไม่เป็นทางเลือก ที่จะไม่ให้รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย เนื่องจากเป็นการลบล้างคำพิพากษา แต่อาจจะเป็นการใช้วิธีการเจรจาต่อรองกัน
พร้อมกันนี้ เน้นย้ำว่า จากนี้ต้องใช้เวลาอีกนานว่า สรุปภาครัฐ ต้องชดใช้งบจำนวนเท่าใด โดยเหตุที่ต้องใช้เวลานาน เพราะกว่าจะมีคำพิพากษาออกมา จากนั้นต้องใช้เวลาพูดคุยหารือกันอีก
อนึ่งวันนี้ (22 เม.ย.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษากลับคำพิพากษา ศาลปกครองกลางเป็นยกฟ้อง โดยมีผลให้กระทรวงคมนาคม โดยการ รถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท) ต้อง ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 8 พ.ย.51 ให้ รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี
พร้อมคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วยเงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท. ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท รวมถึงเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38 ล้านบาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับคดีถึงที่สุด