ทันทีที่ทีมข่าวเนชั่นทีวี ขึ้นมาถึงดอยหลวงเชียงดาว ไม่นานนักกลุ่มควันกลุ่มใหญ่ก็โพยพุ่งขึ้นกลางป่า ไม่มีใครรู้ว่า ไฟป่าที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง เกิดจากอะไร เกิดจากไฟป่าเดิมที่ยังเผาไหม้ไม่หมด หรือ มีคนจุดไฟซ้ำ
บนเนินที่สูงที่สุดของหมู่บ้าน เราได้พบกับผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ต.เชียงดาว เขากับลูกบ้านจำนวนหนึ่ง มารวมตัวกันที่นี่เพื่อเฝ้าระวังไฟป่า และในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า เขามีบางอย่างที่จะพูดกับเรา
ไม่นานเกินรอ วีระวัฒน์ เลาหมี่ ก็โทรเรียกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ให้ขึ้นมาช่วยกัน และทีมข่าวของเราจะตามพวกเขาไปดับไฟ
ด้วยความชำนาญทาง กลุ่มชาวบ้านล่วงหน้าไปก่อน ส่วนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ตามมาทีหลัง การเดินเท้าเข้าไปในป่าเพื่อดับไฟ ไม่ใช่เรื่องสนุก เราและเจ้าหน้าที่เดินขึ้นลงเนิน / บางจุดต้องไปลงในห้วย สลับกันไปอย่านั้น เป็นระยะทาง 2 3 กิโลเมตร
เมื่อเรามาถึง ชาวบ้านที่มาถึงก่อนก็ดับไฟได้หมดแล้ว เหลือแต่ควันที่คละคลุ้ง แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน ที่ลึกๆอาจมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง แต่ก็ยังหันหน้าคุยกันได้
ยิ่งหาคำตอบว่าไฟป่าเกิดจากอะไร ก็ยิ่งเจอคำถามเพิ่มขึ้น ภาพที่เห็นนี่คืออะไร ไม้ขีดไฟมัดกับธูป ระเบิดปิงปอง และมัดธูปกำใหญ่ ที่ตั้งใจก่อให้เกิดประกายไฟ ในพื้นที่ดอยหลวงเชียงดาว
ประเด็นเหล่านี้ถูกโยงเข้ากับเรื่องการเมืองทันที เมื่อรองแม่ทัพภาคที่ 3 บอกในไลน์กลุ่มนักข่าว ว่าการเผาป่า เป็นการเผาแบบมีนัยยะทางการเมือง
เราต้องการคำอธิบายเรื่องนี้ และได้พยายามติดต่อไปที่รองแม่ทัพภาคที่ 3 แต่ไม่ได้รับการตอบรับ เราจึงถามเรื่องนี้ กับผู้ว่าราชการเชียงใหม่วันเดียวกันมีเวทีเสวนา การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืน ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าปัญหาเกิดจากไฟป่า ที่มาจากฝีมือคน แต่มากไปกว่านั้น การปลูกพืชเชิงเดียวโดยเฉพาะไร่ข้าวโพด เป็นอีกสาเหตุสำคัญ หน่วยราชการต่างๆ นั่งคุยกันไม่ถึงครึ่งวัน เวทีก็จบลงอย่างดื้อๆ ทิ้งคำตอบไว้บนแผ่นกระดาษ กับคำถามว่า ไฟป่าและการเผาไร่จะแก้ไขอย่างไร ในระยะยาว