ซูดานขอยึดอำนาจ 2 ปี ล้มเผด็จการ 30 ปี

ประธานาธิบดีโอมาร์ อัล บาเชียร์ วัย 75 ปี ของซูดาน มีอันต้องตกจากอำนาจในวันนี้ หลังรัฐมนตรีกลาโหมของประเทศ อัคเหม็ด อาหวัด บิน อุฟ ออกมาแถลงผ่านทางโทร ทัศน์ว่ารัฐบาลซูดานได้ถูกโค่นล้ม และผู้นำรัฐบาลได้ถูกควบคุมตัวไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว ขณะที่สภาทหารสำหรับการเปลี่ยนผ่าน จะเข้ามาบริหารประเทศเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่พรมแดนทั้งทางบก และทางอากาศจะถูกปิด จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
อัล บาเชียร์ ขึ้นสู่อำนาจผ่านการก่อรัฐประหารเมื่อปี 2532 และเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีของแอฟริกาที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนานที่สุด ขณะที่ศาลอาญาระหว่างประเทศก็ต้องการตัวเขาในข้อหาอาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากปัญหาสง ครามกลางเมืองในประเทศ
โดยตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ ประชาชนออกมาเฉลิมฉลอง ร้องเพลง และเต้นรำกันตามท้องถนนในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของประเทศ ขณะที่ผู้ประท้วงมากมายได้เข้ากอดจูบ ทหารที่ออกมาปฏิบัติ หน้าที่ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด 42 องศาเซลเซียส หลังทหารบุกยึดสถานีโทรทัศน์ และสั่งให้ยุติการออกอากาศรายการตามปกติ และแทนที่รายการด้วยการเปิดเพลงปลุกใจตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ก่อนที่กองทัพเปิดเผยว่าจะมีการประกาศครั้งสำคัญ ประชาชนแห่กันไปที่ด้านนอกกองบัญชาการกองทัพบก ที่ผู้ประท้วงหลายคนได้นั่งประท้วงมานาน 6 วันด้วย
การประท้วงรัฐบาลของประชาชนเริ่มมาตั้งแต่เดือนธันวาคม หลังจากที่รัฐบาลขึ้นราคาขนมปังเป็น 3 เท่า ซึ่งการประท้วงครั้งนี้ ถือเป็นการท้าทายอำนาจของบาเชียร์ครั้งใหญ่ที่สุด โดยในการประท้วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตรวม 49 รายหลังการประกาศยึดอำนาจ หน่วยงานด้านความมั่นคงของซูดาน ได้ประกาศปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด และที่ไหน ที่ยังไม่มีการปล่อยตัว ประชาชนก็เข้าไปจัดการปล่อยออกมาเอง โดยที่ไม่ได้รับการตอบโต้ ขณะที่ฝ่ายที่จัดการชุมนุม ออกมาเตือนให้ผู้ประท้วงอย่าทำร้ายทหาร เจ้าหน้าที่รัฐบาล หรือทรัพย์สินของเอกชน ขณะที่กองทัพมีการส่งทหารออกไปควบคุมความเรียบร้อยตามจุดต่าง ๆ ทั่วเมือง
มีรายงานว่าทหารได้บุกไปยังสำนักงานที่ทำงานด้านแนวคิดทางการเมืองของพรรคการเมืองของบาเชียร์ด้วย
โดยเมื่อต้นสัปดาห์ สหรัฐ อังกฤษ และนอร์เวย์ เพิ่งจะหันมาสนับสนุนฝ่ายผู้ประท้วงเป็นครั้งแรก