การสำรวจครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อการนำข้อมูลไปใช้ในการจัดเตรียมเส้นทางทัวร์อารยสถาปัตย์ (Friendly Design Trip) เพื่อต้อนรับคณะมนุษย์ล้อนานาชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาพักผ่อนท่องเที่ยวในเมืองไทย และเข้าร่วมงานมหกรรมอารยสถาปัตย์และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ปีที่ 4 ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ (28 พ.ย.-1ธ.ค.2562) ที่เมืองทองธานี
ทีมสำรวจซึ่งประกอบไปด้วยมนุษย์ล้อทูตอารยสถาปัตย์และผู้ติดตาม พร้อมทีมงานกฤษนะทัวร์ยกล้อ รวมกว่า 20 ชีวิต ทยอยเดินทางกันมา โดยใช้พาหนะต่างๆ บ้างก็มาด้วยการโดยสารรถเมล์ประจำทาง ซึ่งปัจจุบันมีรถเมล์ชานต่ำ หรือ low-floor bus วิ่งให้บริการในหลายเส้นทางในกรุงเทพฯ จากนั้น จึงมาต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่วิ่งมาถึงจุดนัดพบที่สกายวอล์คย่านราชประสงค์ หรือบ้างก็ใช้บริการรถแท็กซี่วีลแชร์ของกรุงเทพธนาคม
การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนต่างๆในกรุงเทพฯได้มีการปรับปรุงพัฒนาให้มีความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะรถเมล์ ขส.มก. และรถไฟฟ้าที่ให้ความสำคัญกับการขยายเส้นทางและให้มีอารยสถาปัตย์ เช่น ลิฟต์ ทางลาด ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย และทั่วถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
จะติดปัญหาหน่อยก็ตรงชานชาลารถไฟฟ้าจุดที่จะเข้าไปในห้องผู้โดยสาร ที่จะมีช่องว่างสูงชันกว้างประมาณเกือบคืบ ตรงนี้คนที่ใช้รถเข็นไฟฟ้ามีปัญหาแน่ ทางแก้ คือต้องมีทางลาดแบบพับเก็บได้ ไว้ให้บริการผู้โดยสารกลุ่มมนุษย์ล้อให้ได้รับความสะดวก ปลอดภัย มากกว่าที่เป็นอยู่ เรื่องนี้ ถ้าดูญี่ปุ่นเป็นต้นแบบได้ จะดีที่สุด ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
หลังจากรวมพลกันครบทีมแล้ว จุดแรก เราไปสำรวจกันที่แหล่งท่องเที่ยวที่คณะทัวร์จากอาเซียนและเอเชียมักนิยมพากันมากราบไหว้ขอพร คือ ศาลพระพรหมเอราวัณ ซึ่งมีทางลาดเชื่อมโยงจากฟุตบาททางเดินเท้า ทำให้ผู้สูงวัยและผู้พิการที่ใช้รถเข็น สามารถเข้าถึงได้ สะดวก ปลอดภัย แต่ติดปัญหาที่ฝาปิดท่อระบายน้ำที่ยังใช้แบบเก่าที่เป็นตะแกรงซี่ห่างๆ ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ เช่น ล้อรถเข็นอาจพลัดตกลงไปในร่องได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ฟุตบาทในบริเวณด้านหน้าและด้านข้างศาลพระพรหมเอราวัณ มีบางจุดที่เริ่มชำรุดทรุดโทรม ไม่ราบเรียบ น่าจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไขโดยเร็ว ทำให้เนี๊ยบแบบญี่ปุ่นหรือสิงค์โปร์ได้ยิ่งดี เพราะจุดนี้ถือเป็นหน้าตาของประเทศ เนื่องจากเป็นย่านใจกลางเมืองหลวง
.
.
.
.
.
.