ม.44 ถอดเครื่องแบบ "บิ๊กโจ๊ก" ในวันไม่หวานเจี๊ยบ

หลังจากอึมครึมมาหลายวันเกี่ยวกับอนาคตของนายตำรวจคนดัง "บิ๊กโจ๊ก" พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ถูกย้ายขาดจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถึงวันนี้มีความชัดเจนขึ้นแล้ว
โดยเจ้าตัวไม่ใช่แค่ถูกย้ายเข้าประจำศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร.เท่านั้น แต่ยังมีคำสั่ง "ม.44" โยกไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้อาจไม่ได้สวม "เครื่องแบบสีกากี" ทำหน้าที่ตำรวจอีกต่อไป
ซ้ำร้าย ผบ.ตร. พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ยังลงนามในคำสั่ง "วิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ด่วนพิเศษ มอบหมายให้ข้าราชการตำวจที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์เหมาะสม ไปปฏิบัติหน้าที่แทนในศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ ที่ "บิ๊กโจ๊ก" เคยทำหน้าที่อยู่ด้วยโดยเฉพาะศูนย์ปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. ซึ่ง "บิ๊กโจ๊ก" เคยเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ โดย ศปอส.รับผิดชอบหน้างานอาชญากรรมมากกว่า 20 ประเภทความผิด จนถูกมองว่าดูแลอาชญากรรมแบบครอบจักรวาล ทำให้ "บิ๊กโจ๊ก" แถลงผลงานได้ทุกวัน และบางหน้างานก็ทับซ้อนแย่งซีนหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับ "บิ๊กโจ๊ก" ผู้คนในสังคมยังสงสัยว่าตกลงเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย ฝ่ายที่มองว่าอาจเป็นเรื่องดี เพราะ "บิ๊กโจ๊ก" ไม่ได้ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกฯ ที่เป็นตำแหน่ง "เข้ากรุ" เสียทีเดียว / ยังมีตำแหน่งเป็น "ที่ปรึกษาพิเศษ" เหมือนรอรับมอบ "ภารกิจพิเศษ" ที่เหมาะสมต่อไป
แต่ฝ่ายที่มองว่าน่าจะเป็นเรื่องร้าย ก็เพราะ "บิ๊กโจ๊ก" ถูกย้ายขาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งในฐานะคนในเครื่องแบบตำรวจ ไม่มีใครอยากเป็น "อดีตตำรวจ" โดยไม่สามารถกลับไปสวมเครื่องแบบที่ตนเองรักได้อีก

จากการตรวจสอบของ "ทีมข่าวเนชั่นทีวี" พบว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่โอนย้าย "บิ๊กโจ๊ก" จนหลุดจากเส้นทางสายสีกากี คือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2562 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง โดยเป็นคำสั่งที่อาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบ และการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว
คำสั่งนี้เป็นมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ ด้วยการโยกย้ายโดยอาศัยอัตรากำลังชั่วคราวของสำนักนายกฯ หรืออาจให้พักงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
ฉะนั้นสิ่งที่ต้องรอด้วยใจระทึกนับจากนี้ ก็คือ "บิ๊กโจ๊ก" กำลังจะโดนตรวจสอบเรื่องอะไร และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาหรือไม่ ถ้ามีจะใช้ทีมสอบสวนที่ตั้งขึ้นใหม่ หรือใช้องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.
งานนี้ต้องรอลุ้นด้วยใจระทึก แต่ที่แน่ๆ คืออนาคตที่เคยสดใสแวววาว เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเร็วเหมือนขึ้นลิฟท์ ไม่ได้ขึ้นบันไดเหมือนคนอื่น กระทั่งเป็นผู้นำ นรต.รุ่น 47 ผงาดเป็น "พลตำรวจโท" ตำแหน่งหลักอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ มีอายุราชการเหลืออีกกว่า 10 ปีนั้น...ทำท่าจะถึงทางตัน