สาววัย 27 ปี ที่ระบุชื่อว่าเจนนิเฟอร์ เวนิช ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม อาชญากรรมสงคราม การเป็นสมาชิกองค์การก่อการร้าย และมีอาวุธสงครามในครอบครอง เธอถูกนำตัวขึ้นศาลที่เมืองมิวนิกเป็นนัดแรกในวันนี้
เชื่อกันว่าคดีนี้เป็นคดีแรกของโลกสำหรับความผิดอันเป็นอาชญากรรมระดับนานาชาติ ที่สมาชิกกลุ่มไอเอสกระทำต่อชาวยาซิดี และยังเป็นคดีแรกของเยอรมนีสำหรับสมาชิกไอเอสหญิงที่กลับมาประเทศ
ฝ่ายอัยการระบุว่า ตอนเป็นสมาชิกไอเอส เธอทำงานในหน่วยตำรวจศีลธรรม และเธอกับสามี ได้ซื้อเด็กหญิงชาวยาซิดีคนหนึ่ง มาเป็นทาสในปี 2558 สามีของเธอลงโทษทาสรายนี้ด้วยการมัดเธอไว้ที่นอกบ้านในเมืองโมซุล ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดเพื่อปล่อยให้เธอตาย หลังจากที่เด็กหญิงคนนี้ป่วย และปัสสาวะรดที่นอนระหว่างที่่นอนหลับ ขณะที่ตัวภรรยา ก็ไม่ได้พยายามใด ๆ ที่จะช่วยชีวิตเธอ
มีรายงานว่าสามีของจำเลย นายทาฮา ซาบาห์ นูรี อัลจัด ได้ทุบตีทั้งแม่และเด็ก และตัวจำเลยก็ใช้ปืนจ่อหัวของแม่เด็กที่ตาย
เวนิช จบการศึกษาระดับเกรด 8 ไม่ได้ทำงานการอะไร เธอหันมานับถือศาสนาอิสลามในปี 2556 และในปีต่อมาก็เดินทางไปตะวันออกกลางเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส
หลังจากที่เด็กตายไม่นาน เธอไปขอเอกสารประจำตัวใหม่ที่สถานทูตเยอรมนีในตุรกี และก็ถูกจับเมื่อออกจากสถานทูต ก่อนจะถูกส่งตัวกลับเยอรมนี แต่เพราะไม่มีหลักฐานฟ้องร้อง เธอจึงถูกปล่อยตัว และก็ได้เดินทางกลับไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสพร้อมกับลูกวัย 2 ขวบอีก ระหว่างการเดินทาง เธอได้พูดกับสายของเอฟบีไอที่แฝงตัวเดินทางไปกับเธอด้วยเรื่องเกี่ยวกับการตายของเด็ก เธอจึงถูกควบคุมตัวระหว่างทาง
งานนี้ แม่ของเด็กก็ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องร้องด้วย ขณะที่ทีมทนายฟ้องร้องก็รวมถึง อามาล คลูนี่ย์ ภรรยาของจอร์จ คลูนี่ย์ นักแสดงชื่้อดัง โดยหากศาลตัดสินว่าเธอผิดจริง ก็อาจจะมีโทษสูงสุดถึงติดคุกตลอดชีวิต