"ยั้งเมินโมเดล" ต้นแบบหลบภัยหมอกควัน

ศ.นพ.ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัญหาค่าฝุ่นควันพิษของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้เข้าสู่ภาวะวิกฤติหนักกว่าทุกปี และจากการเข้าไปติดคั้งเครื่องวัดดัชนีคุณภาพอากาศ ChiangMai Air Quality Health Index (AQHI PM2.5 เฉลี่ยรายชั่วโมง) ครบ 25 อำเภอ และได้ขยายไปสู่พื้นที่ต่างๆของทุกตำบลในจังหวัดเชียงใหม่ 130 จุดจากเป้าหมายภายในปีนี้ 210 จุด
พบว่าในช่วงที่เกิดหมอกควันหนักๆอยู่ที่ตำบลยั้งเมิน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าฝุ่นPM 2.5 สูงสุดของประเทศไทยทะลุ 500ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินกว่าจะรายงานได้ตามมาตรฐานโลก และถือว่าอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพ
ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นปีแรกที่ทำให้ได้รู้ข้อมูลว่าบางพื้นที่ที่ไม่เคยเข้าถึงว่ามีค่าฝุ่นPM2.5 อยู่ในระดับวิกฤติ และเมื่อประเมินดูจากดัชนีวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ตำบลยั้งเมินมีค่าPM2.5สูงต่อเนื่องติดต่อกันนานนับสัปดาห์ ซึ่งเป็นพื้นที่มีมีการเผามากเป็นพิเศษ จึงจำเป็นต้องหาแนวทางในการเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งแม้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะมีการจัดห้องคลีนรูม แต่คนในพื้นที่ห่างไกลก็ไม่สามารถเดินทางมาหลบภัยได้ จึงมีแนวคิดร่วมกันกับทีมแพทย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากฝุ่นควันพิษอย่างถูกวิธี และจัดทำคลีนรูมบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่.

.

ทางมูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ลงพื้นที่"ต้านมหันตภัยฝุ่นควันพิษ เพื่อยั้งเมิน" ที่หมู่บ้านยั้งเมิน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2562 โดยนำทีมผู้บริหาร และทีมงานหน่วยแพทย์อาสา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพ พร้อมแจกหน้ากากอนามัย ให้ความรู้ แจกอุปกรณ์การป้องกันฝุ่นควัน และจัดทำคลีนรูมสาธารณะให้เป็นที่พักพิงชั่วคราวแก่ประชาชน โดยได้ปรับปรุงห้องปลอดฝุ่น ที่โรงพยาบาลสะเมิง พร้อมมอบเครื่องฟอกอากาศ DIY เพื่อใช้ในโรงพยาบาล และสาธิตให้ทีมเสือไฟ และ อสม.สามารถทำเครื่องฟอกอากาศได้ด้วยตนเอง
พร้อมกันนี้ ได้แนะนำการทำคลีนรูม 5 แห่งคือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กยั้งเมิน, รพ. สต. ยั้งเมิน, อบต.ยั้งเมิน, วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม และโรงพยาบาลสะเมิง ตลอดจนให้ความรู้และสาธิตให้ประชาชนสามารถทำเครื่องฟอกอากาศ DIY ได้ด้วยตนเอง โดยหวังว่าที่นี่จะเป็นต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย ให้ชุมชนในตำบลอื่นๆ มาเรียนรู้ และนำไปใช้ต่อได้ ซึ่งคลีนรูมที่จะทำขึ้นมานั้น จะคำนึงถึงเด็กเป็นหลักก่อน เพราะช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ดีเท่าผู้ใหญ่
รวมทั้งยังเปิดให้ประชาชนในชุมชนเข้าไปใช้ประโยชน์ได้แท้จริง และมีความปลอดภัยหากว่ามีฝุ่นควันสูงเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ จากนั้นจะมีการขยายไปยังตำบลอื่นๆทั่วจังหวัดเชียงใหม่....

.

.

.

.

.

.

.

.

...