"บิ๊กแดง" ลั่น โดนมาเยอะแล้ว หลังถูกล่ารายชื่อถอดถอน

โดยพ.อ.วินธัย มองว่า การล่ารายชื่อถอดถอนเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งทางโซเชียลมีเดีย ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ ซึ่งสังคมต้องพิจารณา เพราะปกติแล้วเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นจะเป็นประเด็นใดขึ้นมาจะพูดคุยกันด้วยเนื้อหาสาระเป็นหลัก ไม่ใช่ไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์อย่างเดียว โดยส่วนตัวคิดว่า สังคมคงเข้าใจ ส่วนการล่ารายชื่อถอดถอน ผบ.ทบ.ในทางกฎหมายทำได้หรือไม่ ย้ำว่า ประเทศมีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว โดยหากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ มีการทุจริต ก็ไปยื่นร้องเรียนตามกลไก ซึ่งเป็นช่องทางที่จับต้องได้จริง
พ.อ.วินธัย ยังยืนยันว่า กองทัพให้ความสำคัญ 2 กรณี คือ หากถูกพาดพิงไม่ว่าจะเป็น ผู้บังคับบัญชา กำลังพล องค์กร จะต้องทำความเข้าใจให้ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยยึดหลักหนักแน่นกับข้อเท็จจริง และข้อที่พิสูจน์ได้ รวมถึงใช้ช่องทางกระบวนการตามกฎหมาย เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้น กองทัพหวั่นไหวหรือไม่ ที่มีการล่ารายชื่อถอดถอน ผบ. ทบ. พ.อ.วินธัย บอกว่า ไม่ได้เหนือในสิ่งที่ได้ประเมินไว้ เพราะตั้งแต่ปี 2557 ได้ผ่านเรื่องราวในลักษณะเช่นนี้ และบางกลุ่มยังมีพฤติกรรมไม่ต่างจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
พ.อ.วินธัย ยังย้ำว่า สิ่งที่ ผบ.ทบ.แถลงนั้น เป็นการบอกกล่าวกับสังคมว่าทหารไม่ได้ทำงานการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยืนยันในฐานะที่เป็นผู้นำหน่วย โดยหากมีจิตใจเป็นธรรมจะมองเห็น ส่วนกรณี ผบ.ทบ.ออกมาระบุ กลุ่มคนมีความคิดซ้ายจัดนั้น ก็ขออย่าไปเจาะจง แต่ให้ดูที่เจตนารมณ์ เพราะการใช้สำนวนความมุ่งหมายจะมีอยู่ในตัวตน โดยอยากให้มองในตรงจุดนั้นมากกว่า
ขณะที่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ บอกว่า อยากฝากถึงประชาชนที่เข้าไปดู หรือ อาจไปมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ขอให้ถอยออกมา และดูประเด็นให้ดีว่าเป็นกระแสจริงๆ หรือเป็นกระแสที่ถูกจัดตั้งในช่วงของความหลากหลายข้อมูลข่าวสาร ซึ่งถ้าเรามีสติและคิดว่าไม่ได้เป็นประเด็นสาธารณะจริงๆก็ถอยออกมา
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ ได้ระบุในที่ประชุมถึงกรณีดังกล่าวว่า "ขอให้ปล่อยไปเถอะ เพราะผมโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่ใช่นักการเมือง และในทางกฎหมายผมก็ไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะถอดถอนได้"