เตือนภัย..สาวไทยเกือบถูกแก๊งหลอกโอนเงิน หลังจีบนาน2เดือน
ปราจีนบุรี - เตือนภัยสาวไทย เกือบถูกแก๊งโรแมนซ์สแกรมหลอกโอนเงิน หลังเป็นเพื่อนกันในเฟชบุ๊ค และส่งข้อความเข้ามาจีบนานเกือบ 2 เดือน จากนั้นอ้างว่าส่งเงินมาให้ซื้อบ้านจำนวน 1.5 ล้านบาทมาให้ แต่ต้องเสียภาษีมากถึง 800 ดอลลาร์ก่อนจะได้รับเงิน โชคดีหญิงไทยไหวตัวไม่เสียรู้
ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ทำงานเป็นลูกจ้างขายข้าว อยู่ในตลาดโป่งไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ว่า มีโปรไฟร์ชายชาวต่างชาติ เข้ามาตีสนิทกับตนทางเฟสบุ๊ค จากนั้นก็ได้มีการพูดคุย สาระทุกข์ กันผ่านทาง ห้องแช็ท ก่อนที่จะมาขอเป็นแฟน แต่ต่อมาคาดว่าน่าจะเป็นแก๊งค์คนร้ายหลอกให้โอนเงิน
หญิงสาวคนดังกล่าว (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการพูดคุยกันมาระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทางฝ่ายชายชาวต่างที่พูดคุยกันอยู่ ได้บอกว่าจะมาเที่ยวที่เมืองไทย โดยให้หญิงสาวหาซื้อบ้านพัก ที่ดูดีมีราคา พร้อมกับให้ถ่ายรูป และราคาบ้านส่งไปให้ดู หลังจากที่ได้ดูแล้ว ทางชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้ตกลง และพร้อมที่จะโอนเงิน ให้ซึ่งราคาบ้านนั้นตกอยู่ประมาณ 1,500,000 บาท
หลังจากนั้นชายต่างชาติคนดังกล่าวได้โทรผ่านห้องแช็ทกลับมาบอกว่า เงินเป็นจำนวนมากไม่สามารถโอนได้ แต่จะส่งเป็นพัสดุเงินสดไป แต่ทั้งนี้ จะต้องให้หญิงสาวรายดังกล่าว เสียค่าโอนหรือค่าใช้จ่ายปลายทางเอง ซึ่งทางชายต่างชาติ ได้ส่งรูป ที่เป็นเหมือนเงินดอลลาร์ใส่ถุงบรรจุลงพัสดุมา ให้รู้เหมือนกับว่าได้ส่งมาแล้ว เพียงแต่ของถึงเมืองไทยแล้ว จะมีบริษัทที่รับส่งพัสดุโทรหาอีกทีเพื่อที่จะให้มารับของ โดยมีการเน้นย้ำว่า อย่าบอกใคร ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องที่ส่งมาเป็นเงินสด.
ต่อมาได้มีเสียงโทรศัพท์ ระบุว่า ปลายสายนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเป็นเสียงของผู้หญิง เสียงแหบๆ (คล้ายดัดเสียง) บอกว่า มีพัสดุถึงคุณ แต่คุณจะต้องโอนเงินมาก่อน ถึงจะส่งพัสดุดังกล่าวไปได้ ซึ่งจำนวนเงินที่จะต้องโอนนั้นค่อนข้างสูงถึง 800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 24,500 บาท โดยมีการส่งชื่อเจ้าของบัญชีคือ supapom Boonma หมายเลขบัญชี 725-263815-6 ชื่อธนาคาร S.C.B.Bank ส่งมาด้วย ซึ่งหญิงสาวรายดังกล่าว ที่กำลังตกเป็นเหยื่อเริ่มแปลกใจกับเรื่องนี้แล้ว จึงได้ปรึกษากับเจ้าของร้านที่ทำงานอยู่ และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งต่างคิดว่า จะเป็นเรื่องจริง หรืออาจจะโดนแก๊งต้มตุ๋นหรือไม่ จึงพยายามดูท่าที่ของชายชาวต่างชาติก่อน โดยยังไม่มีการโอนเงินให้ตามที่ปลายสายบอก ซึ่งคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบิน พยายามที่จะถามรายละเอียดต่างๆ พร้อมมีการเร่งรัดให้หญิงสาวโอนเงินให้เร็วที่สุด
นอกจากนั้น ทางฝ่ายชายชาวต่างชาติเองก็พยายามสอบถามมาตลอดว่า ได้รับพัสดุที่ส่งมาหรือยัง โดยทางหญิงสาว ก็ตอบไปว่า ตอนนี้ยังไม่มีเงินที่จะไปเสียค่าภาษี เนื่องจากเงินที่เสียมันมากเกิน โดยฝ่ายชายชาวต่างชาติ พยายามเกลี้ยกล่อมว่า ให้ไปให้ไปยืมเงินญาติหรือเพื่อนมาก่อน ซึ่งตรงนี้เป็นอีกจุดที่ทำให้ แปลกใจว่า ทำไมทางฝ่ายชาย ไม่ทำเรื่องการเสียภาษีให้แล้วเสีย ก่อนที่จะส่งมา เนื่องจากก่อนหน้านั้น หญิงสาวก็บอกไปแล้วว่าเป็นไม่มีฐานะร่ำรวย ซึ่งหญิงสาวก็ตอบไปว่า กำลังพยายามอยู่ ซึ่งทางฝ่ายชายต่างชาติก็ยังคงเร่งรัดให้ไปรับพัสดุให้เร็วที่สุด อ้างว่ากลัวจะหาย เพราะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่จะมอบให้ เพื่อจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน.
ต่อมาทางด้านชายต่างชาติ ได้ส่งภาพตัวเองกลับมาหาหญิงสาวอีกครั้งโดยระบุว่า ตอนนี้ตนเองได้นอนอยู่โรงพยาบาล เป็นโรคความดัน หลังจากทราบว่าทางฝ่ายหญิงสาวยังไม่โอนเงินที่เป็นค่าภาษีพัสดุให้ ซึ่งพยายามทุกอย่าง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้โอนเงินให้แต่อย่างใด และอยากประสานสื่อเพื่อเล่าเรื่องเตือนภัยสาวอีกหลายคนที่กำลังอาจจะโดนแบบตน เพื่อให้รู้ทันของกลุ่มทิจฉาชีพกลุ่มนี้
ผู้สื่อข่าวรายเพิ่มเติมว่า จากการสังเกตโปรไฟร์ของชายต่างชาติ ที่อยู่บนหน้าเฟสบุ๊ค จะเห็นได้ว่ามีบางภาพ นำมาตัดต่อ เช่น ภาพ ที่เหมือนอยุ่ในห้องส่งถ่ายรายการ โดยภาพที่เดินอยู่ระหว่างช่างภาพและคนกำลังสัมภาษณ์ เป็นภาพที่ถูกนำมาตัดต่อเพื่อสร้างความเชื่อถือ และสำหรับขบวนการนี้น่าจะมีคนไทยร่สมอยู่ในแก๊ด้วย ซึ่งทั้งหมดจะหาหลอกสาวไทย ที่อยากได้โดยเฉพาะสาวไทยบางคนที่ต้องการได้สามีหรือคู่ครองเป็นชาวต่างชาติ และคิดว่าชายชายต่างชาติ นั้นอาจะไม่่ใช่คนในภาพจริง เป็นการสร้างขึ้นมาจากกลุ่มแก๊งดังกล่าว....
.
.
.
.
.
.
.
....