ระวังอันตราย!....มือถือ "ภัยเงียบ" ทำลายครอบครัว

สมาร์ทโฟน กลายเป็นฆาตกรเงียบที่ทำลายการปฎิสัมพันธ์หรือการสื่อสารที่ดีในครอบครัวไปแล้ว โดยพบว่ากว่า 1.6 ล้านครัวเรือนมีปัญหาสัมพันธภาพจากพฤติกรรมสังคมก้มหน้า ซึ่งสวนทางกับสังคมไทยในอดีตที่ดูแลเอาใจใส่กันอย่างสิ้นเชิง จากผลการศึกษาโครงการวิจัยครอบครัวในเขตเมืองปี 2557 พบว่า 1 ใน 3 ครอบครัวคนเมืองมีสัมพันธภาพที่น่าเป็นห่วงกว่า 1.6 ล้านครัวเรือน จากทั้งหมด 4.7 ล้านครัวเรือนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพราะขาดการปฎิสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ทว่าทางออกเรื่องนี้คือการทำให้การสื่อสารในครอบครัวกลับคืนมา หรืออย่างน้อยเปิดพื้นที่การปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวให้มากขึ้น


โครงการพัฒนานวัตกรรมการเพิ่มศักยภาพการสื่อสารครอบครัวผ่าน Platform Online ในรูปแบบรายการทีวีออนไลน์ที่ชื่อว่า "รอลูกเลิกเรียน" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ สสส.เพื่อตอบโจทย์แก้ปัญหาสังคมก้มหน้าที่สอดคล้องกับความต้องการครอบครัวยุคใหม่รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์กระทรวงสาธารณสุข แนะถึงวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องในยุคนี้ว่า


พ่อแม่ควรชมลูกทุกครั้งที่ลูกทำดีเพื่อให้ลูกรู้สึกถึงคุณค่าและภูมิใจในตัวเอง แต่ก็ไม่ควรชมพร่ำเพรื่อเกินไปส่วนการจัดการกับพฤติกรรมวัยรุ่นคือการออกฎระเบียบเท่าที่จำเป็น รวมทั้งการแสดงความเห็นอกเห็นใจ เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องแสดงให้ลูกวัยนี้รับรู้ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีโดยการเลือกคำพูดที่เหมาะสมไม่ใช้คำพูดประชดประชันสังคมก้มหน้าสะท้อนถึงปัญหาระดับครอบครัวที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะวัยรุ่นที่เริ่มมีโลกส่วนตัวสูง การดูแลเอาใจใส่ การสื่อสารด้วยความเข้าใจจึงเป็นเรื่องจำเป็นพ่อแม่ต้องกล้าแสดงออกถึงความรู้สึกรักและห่วงใยเพื่อที่จะทำให้สัมพันธ์ภาพทางครอบครัวดีขึ้น