ค่าฝุ่นเชียงใหม่ยังวิกฤต ต้อนรับนายกรัฐมนตรี

เมื่อเวลา09.00น วันที่ 2 เมษายน 2562 สถานการณ์ฝุ่นควันพิษในจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น โดยยังพบว่ามีหมอกควันปกคลุมทั่วเมืองเชียงใหม่ และทัศนวิสัยยังอยู่ในระดับที่ย่ำแย่ ส่งผลให้บรรยากาศในจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงมีประชาชนสวมหน้ากากอนามัยมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัยที่มีต่อสุขภาพ โดยจากการไปสำรวจร้านขายยาที่จำหน่่ายหน้ากากอนามัยพบว่ายังไม่ขาดแคลน และบางส่วนได้มีกลุ่มภาคเอกชน และประชาชน นำหน้ากากอนามัยมาบริจาคให้กับจังหวัดเชียงใหม่ และแจกจ่ายให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ภ.ญ. จิณณรัตน์ ศรีอภิวงศ์ ร้านสยามชัยเภสัช จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางร้านมีหน้ากากอนามัยสต็อกไว้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน โดยจะสังเกตว่าในช่วงวิกฤตของฝุ่นควัน พบว่ามีประชาชนเข้ามาเลือกซื้อหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางสาว ธันยพร ปันนิตมัย ผู้ช่วยเภสัชกร ร้าน moderndrug จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ประชาชนเข้ามาเลือกซื้อหน้ากากอนามัยกันตลอดทั้งวัน โดยจะเข้ามาเลือกซื้อตามกำลังซื้อ ส่วนมากจะเลือกหน้ากากอนามัยn95 มากที่สุด รองลงมาเป็นหน้ากากอนามัยPM2.5 และหน้ากาคาร์บอน.

ขณะที่ข้อมูลจากดัชนีคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพชาวเชียงใหม่ ผ่านwww.cmaqhi.org พบว่าสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ 8แห่ง ในพื้นที่อำเภอรอบนอก เช่น อำเภอสะเมิง, อำเภอแม่แตง และสันป่าตอง มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM.2.5 ทะลุเกิน500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงเกินค่ามาตรฐานมีผลกระทบต่อสุขภาพในระดับอันตราย โดยในมาตรฐานสากลหากว่าอยู่ระดับที่เกินค่าตัวเลขดังกล่าว ถือว่าเกินค่าดัชนีคุณภาพอากาศที่จะรายงานได้ หรือที่เรียกกันว่า Beyond AQI
ขณะที่ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ผ่านเว็ปไซต์ air4thai พบว่าที่สถานีวัดคุณภาพอากาศที่ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ค่าPM2.5 อยู่ที่ 119 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ามีผลกระทบกระทบต่อสุขภาพของประชาชนส่วนการตรวจพบจุดความร้อน Hotspot ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เมื่อเวลา 01.36 น. วันที่ 2 เมษายน 2562 จากข้อมูลดาวเทียมระบบ VIIRS ทางเว็ปไซด์ http://fire.gistda.or.th/download.html พบว่ามีจำนวน 1,969 จุด โดยมากที่สุดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 821 จุด, จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 478 จุด, จังหวัดเชียงราย จำนวน 232 จุด, จังหวัดลำปาง จำนวน 116 จุด, จังหวัดตาก. จำนวน 89 จุด, จังหวัดน่าน จำนวน 77 จุด, จังหวัดพะเยา จำนวน 74 จุด, จังหวัดแพร่ จำนวน 63 จุด และจังหวัดลำพูน จำนวน 19 จุด....

.

.