ครม.ไฟเขียว! ขยายเวลา แจกค่าเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 600 บาทต่อเดือน

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมอนุมัติขยายระยะเวลาและขยายฐานรายได้ของผู้มีสิทธิ์รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ระยะที่ 3 ปี 2562-2564 สนับสนุนเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี 600 บาท ต่อคนต่อเดือน และขยายฐานรายได้ของครอบครัวผู้มีสิทธิ์รับเงินอุดหนุนเป็นไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี จากเดิม 36,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการลงทะเบียนเพื่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และให้มีการศึกษาผลสัมฤทธิ์ของโครงการคู่ขนานไปจนสิ้นสุดแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนปี 2564 หลังจากนั้น จะพิจารณาทบทวนการให้เงินอุดหนุนการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในรูปแบบที่เหมาะสมต่อไป
อย่างไรก็ตาม การอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในครั้งนี้ ดำเนินการต่อจาก ระยะที่ 1 ปี 2558-2559 รายละ 400 บาทต่อเดือน / ระยะที่ 2 ปี 2560-2561 วงเงิน 600 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 3 ปี สำหรับครัวเรือนที่มีฐานรายได้ไม่เกิน 36,000 บาทต่อคนต่อปี
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง สาระสำคัญเพิ่มนิยามคำว่า "สถานประกอบการ" "กระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอาง" และ "คณะกรรมการ" เพื่อกำหนดขอบเขตของพื้นที่และภารกิจในการปฏิบัติให้ชัดเจน รวมทั้งเพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอางเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดให้ องค์การอาหารและยา หรือ อย. ขึ้นบัญชีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ กำหนดให้ขึ้นบัญชีและค่าใช้จ่ายที่จะเก็บตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นเงินของ อย. หรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ขณะเดียวกัน ครม. มีมติอนุมัติเพิ่มการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันอีก 99,918 ราย รวมพื้นที่ 899,000 ไร่ วงเงิน 1,349 ล้านบาท หลังมีผู้มาลงทะเบียนต้องการความช่วยเหลือเกินจากที่ลงทะเบียนในรอบแรก โดยการช่วยเหลือให้ใช้หลักเกณฑ์ตามเดิมในการช่วยเหลือ อัตราไร่ละ 1,500 บาท แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ หลังก่อนหน้านี้มีมติ ครม. อนุมัติวงเงินในการช่วยเหลือ วงเงิน 3,457 ล้านบาท แต่มีการนำไปใช้ในรอบแรก 2,025 ล้านบาท โดยทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ยังเหลือวงเงินเดิมนำมาใช้ เพื่อการช่วยเหลือในครั้งนี้ โดยไม่ต้องขอวงเงินเพิ่มเติมจากที่ประชุมอีกด้วย