svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ลุ้นตัดสิน "เปรมชัย-คนขับรถ" ติดสินบน จนท. เช้า 11 มิ.ย.นี้

21 มีนาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"รองโฆษกอัยการ" เผย เปรมชัย ยังมีคดีอาญาลุ้นอีก 3 คดี ติดสินบน-งาช้าง-ครอบครองปืนไรเฟิล ส่วนคดีรุกที่ภูเรือ คดียังไม่เข้าอัยการ ขณะที่เปิดคำพิพากษาส่วนคดี "ล่าเสือดำ" สืบชัด "พรานแกละยิง-แล่" ส่วนเปรมชัย เอี่ยวให้ปืนลูกซองใช้ รอลุ้นอุทธรณ์ต่อ

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.62 "นายประยุทธ เพชรคุณ" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงคดีอาญาอื่นซึ่งได้ดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หลังจากที่ล่าสุดศาลจังหวัดทองผาภูมิ เพิ่งมีคำพิพากษาจกคุกนายเปรมชัย 16 เดือนโดยไม่รอลงอาญาคดีครอบครองซากไก่ฟ้าหลังเทาสัตว์ป่าคุ้มครอง และสนับสนุนผู้อื่นล่าเสือดำว่า จากที่ได้ตรวจสอบข้อมูลที่อัยการได้ยื่นฟ้องนายเปรมชัยในคดีอื่นๆ อีกนั้น ก็มี 3 เรื่อง 1.คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 และนายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 ข้อหาร่วมกันให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83 (เสนอให้สินบนเจ้าพนักงาน กรณีนายยงค์ พูดลักษณะพยายามจะติดสินบนเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ปล่อยตัวนายเปรมชัยและพวก) ซึ่งคดีดังกล่าวศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้ดำเนินกระบวนการสืบพยานโจทก์ และจำเลยเสร็จสิ้น โดยกำหนดนัดฟังคำพิพากษา คดีติดสินบนเจ้าพนักงาน ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ส่วนเรื่องที่ 2 คือคดีครอบครอบงาช้างแอฟริกา 2 คู่ (4 กิ่ง) ไว้ในครอบครองฯ โดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้ยื่นฟ้องนางคณิตดา กรรณสูตร (อายุ 64 ปี) ภรรยาของนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 , นายเปรมชัย จำเลยที่ 2 , น.ส.วันดี สมภูมิ (แม่บ้าน) อายุ 71 ปี จำเลยที่ 3 ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้าง) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี ของต้องห้ามซ่อนเร้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาหรือรับไว้โดยประการใด ๆ ที่รู้ว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามฯ (ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560) ซึ่งคดีนี้ ศาลอาญากำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8-9 ส.ค.นี้ และสืบพยานจำเลยในวันที่ 13-14 ส.ค.เช่นกัน
และเรื่องที่ 3 ครอบครองอาวุธปืนไรเฟิลโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย (มีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊บ 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.) ศาลอาญา กำหนดนัดสืบพยานเริ่มวันที่ 9 ก.ค.นี้
ส่วนกรณีที่มีการตรวจสอบว่า นายเปรมชัย อาจมีบ้านพักและโฉนดกว่า 500 ไร่ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย ที่บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทในเครือตระกูลนายเปรมชัย เคยครอบครองเนื้อที่กว่า 6,200 ไร่ซึ่งภายหลังถูกเพิกถอนสิทธิเมื่อปี 2546 หรือไม่นั้น "นายประยุทธ" รองโฆษกอัยการฯ ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางคดีไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดเลย และอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรแล้ว ยังไม่พบข้อมูลคดีที่มีการส่งสำนวนจากพนักงานสอบสวนมาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำพิพากษาคดีล่าเสือดำ อายุ 3-5 ปี น้ำหนัก 30 กก. ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เมื่อเดือน ก.พ.61 ที่ผ่านมา
"ศาลจังหวัดทองผาภูมิ" มีคำพิพากษาลงโทษ "นายเปรมชัย กรรณสูต" อายุ 64 ปี ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 ให้จำคุก 3 ข้อหา ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน , ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน รวมจำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 16 เดือน โดยให้ยกฟ้อง 2 ข้อหาฐานร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)
"นายยงค์ โดดเครือ" อายุ 66 ปี คนสนิทและคนขับรถของนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 โดยจำคุก 3 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 13 เดือน โดยยกฟ้อง 2 ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
"นางนที เรียมแสน" อายุ 44 ปี แม่ครัว จำเลยที่ 3 ลงโทษเพียงข้อหาเดียว ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4 เดือน และปรับเป็นเงินอีก 10,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ซึ่งศาลยกฟ้อง 3 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่มีเหตุสมควร
"นายธานี ทุมมาศ" หรือพรานแกละ อายุ 57 ปี จำเลยที่ 4 ให้จำคุกข้อหา 6 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , พยายามล่าสัตว์ (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 4 เดือน , ล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 1 ปี และเก็บของป่า (ซากสัตว์) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี 17 เดือน
และให้ "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 และ "นายธานี" (นายพราน) จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 2 ล้านบาท (มูลค่าความเสียหายเสือดำ) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 (วันที่เจ้าหน้าที่พบการกระทำผิด) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โดยคดีนี้ฟ้องของอัยการโจทก์ ได้ขอให้นับโทษนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อ.1143/2561 (คดีครอบครองงาช้างป่าแอฟริกา) และคดีหมายเลขดำ อ.1144/2561 (คดีครอบครองปืนไรเฟิล) ในศาลอาญา กับโทษในคดีอาญาหมายเลขดำ อท.10/2561 (คดีเสนอสินบนให้เจ้าพนักงาน) ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 และให้นับโทษนายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถของนายเปรมชัย) จำเลยที่ 2 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท.10/2561 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ด้วยเช่นกัน และมีคำขอให้ จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 3,012,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
ขณะที่ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็ได้เข้ามาเป็นผู้ร้อง ยื่นคำขอให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วยโดยให้ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย 12,750,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่เสือดำถูกยิงตาย โดยอ้างอิงตัวเลขค่าเสียหายนั้นเปรียบเทียบกับโครงการเพาะพันธุ์และอนุรักษ์พันธุกรรมเสือโคร่งเพื่อคืนสู่ถิ่นกำเนิดในธรรมชาติ และคิดจากอัตราการรอดตาย ร้อยละ 20 ในการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
ซึ่งจำเลยที่ 1-4 ให้การสู้ประเด็นในส่วนแพ่งนี้ว่า จำเลยที่ 1-4 ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง และฟ้องขออัยการโจทก์ ก็มีคำขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย แก่กรมอุทยานฯ ผู้ร้องอยู่แล้ว จึงถือว่าผู้ร้องนั้นยื่นคำร้องซ้อน กับคำร้องขออัยการโจทก์

logoline